Friday, 10 May 2024
North Time Team

สุพัฒนพงษ์ แจง ครม.คืบ ผลถก รมต.พลังงานอาเซียน ซื้อขายไฟฟ้า เชื่อมโยงท่อก๊าซข้ามพรมแดน

เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 65 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.รับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน ครั้งที่ 40 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้องเมื่อวันที่ 13-16 กันยายน 2565 ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ โดยมีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมประชุม โดยสรุปสาระสำคัญที่ประชุม รัฐมนตรีพลังงานอาเซียน ได้รับรองถ้อยแถลงร่วมของการประชุมฯ ได้แก่

1.ด้านไฟฟ้า มีการเชื่อมโยงโครงข่ายสายส่งไฟฟ้าอาเซียน (รวม 16 โครงการ ณ เดือนกันยายน 2564) โดยมีกำลังไฟฟ้าที่ถ่ายเทระหว่างประเทศสมาชิกรวม 26,644-30,114 เมกะวัตต์ และดำเนินโครงการบูรณาการด้านไฟฟ้าระหว่างลาว ไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ได้สำเร็จ โดยกำหนดปริมาณการซื้อ-ขายไฟฟ้าสูงสุดที่ 100 เมกะวัตต์ชั่วโมง ระหว่างปี 2565-2566

2.ด้านก๊าซธรรมชาติ มีการเชื่อมโยงท่อส่งก๊าซอาเซียน มุ่งเน้นการพัฒนาตลาดก๊าซร่วมสำหรับภูมิภาค การขยายการเชื่อมโยงและการเข้าถึงก๊าซธรรมชาติ และการติดตามความคืบหน้าในการพัฒนาท่อส่งก๊าซข้ามพรมแดน

3.ด้านถ่านหินและเทคโนโลยีถ่านหินสะอาด มีจัดการประชุมของผู้แทนระดับสูงอาเซียน เมื่อวันที่  10 สิงหาคม 2565 เพื่อรวบรวมแนวทางและนโยบายเกี่ยวกับเทคโนโลยี ลำดับ ชื่อเรื่อง สาระสำคัญ ข้อเสนอแนะ ถ่านหินสะอาด และเทคโนโลยีการดักจับ การกักเก็บ และการใช้ประโยชน์คาร์บอน เพื่อกำหนดทิศทางการดำเนินการด้านถ่านหินของอาเซียนให้เป็นทิศทางเดียวกัน

4. ด้านพลังงานหมุนเวียน สถานะของการเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนของอาเซียน ในปี 2563 สัดส่วนพลังงานทดแทนเมื่อเทียบกับปริมาณพลังงานทั้งหมดที่ผลิตได้ของอาเซียนอยู่ที่ร้อยละ 14.2 ซึ่งอาเซียนตั้งเป้าไว้ที่ร้อยละ 23 ในปี 2568

กระทรวงศึกษาฯ ประกาศนโยบายการเรียนประวัติศาสตร์แนวใหม่ เน้นทันสมัย-น่าสนใจ

วันที่ 6 ธ.ค. 65 ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้จัดนิทรรศการ 'การจัดการเรียนการสอนประวัติศาสตร์' โดยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ คณะรัฐมนตรี ร่วมชมนิทรรศการ ซึ่งนางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้ประกาศนโยบายและจุดเน้นเรื่องการจัดการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ ประจำปีงบประมาณ 2566 โดยการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ หน้าที่พลเมือง และศีลธรรม ให้มีความทันสมัย น่าสนใจ เหมาะสมกับวัยของผู้เรียน ควบคู่ไปกับการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของท้องถิ่น และการเสริมสร้างวิถีชีวิตของความเป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง ซึ่งจัดนิทรรศการในวันนี้ ศธ.ต้องการสะท้อนให้เห็นถึงการส่งเสริมการจัดการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ ใน 4 ส่วน ดังนี้

ส่วนแรก วิชาประวัติศาสตร์ประกาศความเป็นไทย ปรับโครงสร้างเวลาเรียนรายวิชาพื้นฐาน ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 โดยได้จัดทำร่างประกาศ ศธ.เรื่อง การบริหารจัดการโครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษา 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ และ 1 รายวิชาพื้นฐานประวัติศาสตร์ ของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ โครงสร้าง 8+1 เพื่อให้สถานศึกษานำไปใช้ในการส่งเสริมการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ด้วยวิธีการที่หลากหลาย ทั้งในมิติของการจัดการเรียนรู้ การวัดและประเมินผล และการใช้สื่อและแหล่งเรียนรู้

เพชรบูรณ์ จัดโครงการเครือข่ายหมู่บ้าน/ชุมชนร่วมใจต้านภัยยาเสพติดจังหวัดเพชรบูรณ์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566

ที่กองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ 1 นายชนก มากพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นประธานพิธีเปิดการฝึกอบรม "โครงการเครือข่ายหมู่บ้าน/ชุมชนร่วมใจ ต้านภัยยาเสพติด จังหวัดเพชรบูรณ์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566" โดยมีนายชัยสิทธิ์ ชัยสัมฤทธิ์ผล ปลัดจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวรายงาน พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ และผู้เข้ารับการฝึกอบรมจาก 11 อำเภอ จำนวน 100 คน เข้าร่วม

นายชัยสิทธิ์ ชัยสัมฤทธิ์ผล ปลัดจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวว่า ที่ทำการปกครองจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้จัดทำ โครงการเครือข่ายหมู่บ้าน/ชุมชนร่วมใจต้านภัยยาเสพติด จังหวัดเพชรบูรณ์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 จำนวน 1 รุ่น โดยใช้เวลาการฝึกอบรมจำนวน 2 คืน 3 วัน ระหว่างวันที่ 6-8 ธันวาคม 2565 มีผู้เข้ารับการฝึกอบรมจาก 11 อำเภอ จำนวน 100 คน โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อสำรวจกลุ่มเป้าหมาย เยาวชน ที่มีแนวโน้มหรือมีโอกาสที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรือสร้างปัญหาในพื้นที่หมู่บ้าน/ชุมชนในอนาคต เพื่อใช้เป็นกลุ่มเป้าหมายในการเฝ้าระวัง เพื่อคัดเลือกประชาชนวัยเสี่ยง ห้วงอายุ 13-29 ปี ที่อำเภอเห็นว่าเป็นผู้ที่จะสามารถนำมาพัฒนาให้เป็นผู้นำ หรือเป็นแนวร่วมทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อป้องกันปัญหายาเสพติดในพื้นที่ได้ตามเป้าหมายที่กำหนด เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและหากิจกรรมการมีส่วนร่วมให้แก่ประชาชนวัยเสี่ยง ห้วงอายุ 13-29 ปี ที่ไม่ได้อยู่ในระบบการศึกษาภาคปกติ หรือกลุ่มว่างงาน หรือเป็นผู้มีจิตอาสาช่วยเหลืองานสาธารณประโยชน์ ได้มีส่วนร่วมในการป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับครอบครัวและชุมชน ได้ตระหนักรู้ถึงปัญหายาเสพติด เพื่อลดและป้องกันผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดรายใหม่

ลำปาง-ศฝ.นศท.มทบ.32 นำจิตอาสาบริจาคโลหิต เพื่อประชา กู้วิกฤติโลหิตขาดแคลน

เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2565 มณฑลทหารบกที่ 32/ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน มณฑลทหารบกที่ 32 โดย พันเอก ชรินทร์ สุวรรณะ ผู้บังคับศูนย์การฝึกนักศึกษาวิชาทหาร มณฑลทหารบกที่ 32 มอบหมายให้ ร้อยเอกหญิง ศกุณิชญ์ ใจการ จิตอาสา 904 นำนักศึกษาวิชาทหารจิตอาสาพระราชทาน ชั้นปีที่ 3 จำนวน 13 นาย ร่วมบริจาคโลหิต ดวงตา และอวัยวะ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2565 เพื่อให้ผู้ป่วยที่ต้องการเลือดเร่งด่วน กรณีต้องใช้โลหิตฉุกเฉินรอรับการรักษาพยาบาล โดยได้ยอดบริจาคโลหิต รวมจำนวน 5,200 ซีซี ณ อาคารบุญชูตรีทอง โรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง

6 ธันวาคม ‘วันริบบิ้นขาว’ สัญลักษณ์ยุติความรุนแรงต่อเด็ก และสตรี รำลึกถึงเหตุฆาตกรรมหญิง 14 ราย ที่แคนาดา

ทุกวันที่ 6 ธันวาคมของทุกปีเป็นวันริบบิ้นขาว (White Ribbon Day) หรือที่รู้จักกันในชื่อ วันชาติแห่งการรำลึกและยุติความรุนแรงต่อสตรี (National Day of Remembrance and Action on Violence against Women) ของแคนาดา

ทุกวันที่ 6 ธันวาคมของทุกปีเป็นวันริบบิ้นขาว (White Ribbon Day) หรือที่รู้จักกันในชื่อ วันชาติแห่งการรำลึกและยุติความรุนแรงต่อสตรี (National Day of Remembrance and Action on Violence against Women) ซึ่งเป็นวันสำคัญของประเทศแคนาดา โดยเริ่มต้นขึ้นเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2534 เพื่อเป็นการรำลังถึงเหตุฆาตกรรมที่วิทยาลัยสารพัดช่าง ในเมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดา เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2532 ซึ่งในเหตุการณ์ครั้งนี้มีผู้เสียชีวิต 14 รายและเป็นเพศหญิงทั้งหมด ซึ่งหลังจากที่เหตุการณ์ยุติลงคนร้ายได้ออกมาประกาศตัวว่าต่อต้านสิทธิสตรี

ประมวลภาพบรรยายกาศวันพ่อแห่งชาติ ประจำปี 2565

เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2565  พลโท สุริยะ เอี่ยมสุโร แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธานในการจัดพิธีตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 20 รูป ถวายเป็นพระราชกุศล ณ บริเวณลานพื้นแข็งหน้าสโมสรบันเทิงทัพ, พิธีถวายราชสักการะ ถวายสดุดี และกล่าวน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ณ ห้องบันเทิงทัพ 1 สโมสรบันเทิงทัพ และ กิจกรรมบริจาคโลหิต ถวายเป็นพระราชกุศลน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ 5 ธันวาคม 2565 ณ บริเวณสโมสรบันเทิงทัพค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก

นอกจากนี้ ยังได้มีกิจกรรมอื่นๆ ที่กองทัพภาคที่ 3 และหน่วยขึ้นตรงกองทัพภาคที่ 3 ได้จัดกิจกรรม และนำกำลังพลเข้าร่วมกิจกรรม เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ 5 ธันวาคม 2565 อาทิเช่น พิธีตักบาตรพระสงฆ์, กิจกรรมจิตอาสาบำเพ็ญสาธารณะประโยชน์, กิจกรรมมีแล้วแบ่งปัน, กิจกรรมเผยแพร่เกียรติคุณ, กิจกรรมการช่วยเหลือประชาชนในรูปแบบต่าง ๆ เป็นต้น

ขณะเดียวกัน ที่บริเวณหน้าร้านบุญเจริญแม่สะเรียง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ประชาชนทั่วสาระทิศยืนถือถุงหิ้วเดินทางรอคิวยาวเหยียด ภายหลังจากที่ทาง ร้านบุญเจริญแม่สะเรียง ร่วมกับ เครือข่ายพันธมิตร โรงน้ำดื่มนะโม โรงบรรจุ PT บจก.ม่วงเพ็ชรมาร์เก็ตติ้ง วิชิตการค้า โรงงานลูกชิ้นพรสวรรค์ โรงงานไส้กรอกเจ๊อัมพร ร่วม แจกจ่ายอาหารแห้ง มาม่า ไข่ แปรฟันสบู่ยาสีฟัน ขนม และอาหารปรุงสุข ข้าวเหนียวไก่ทอด ทอดมันปลาการาย ลูกชิ้นไส้กรอกทอด ส้มตำ แก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ อ.แม่สะเรียง เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พ่อหลวง โดย นายธนวรรธน์ ดีหอม เจ้าของร้านบุญเจริญแม่สะเรียง กล่าวว่า "การแจกจ่ายสิ่งของอาหารการกินในครั้งนี้ เป็นสิ่งที่ตนและพันธมิตรทางการค้า มีความตั้งใจที่จะทำความดีถวายเป็นพระราชกุศลแด่นายหลวง รัชกาลที่ 9 เพื่อร่วมแบ่งปัน สร้างความสุข รอยยิ้มให้ประชาชน ถือว่าเป็นการแบ่งเบาภาระลดค่าใช้จ่าย ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนเองและครอบครัว สามารถทำได้ก็ขอทำความดีเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณในหลวงรัชกาลที่ 9"

5 ธันวาคม วันคล้ายวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ

5 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และภายหลังการเสด็จสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 สำนักนายกรัฐมนตรีได้ออกประกาศ เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เรื่อง กำหนดวันสำคัญของชาติไทย มีใจความสำคัญให้วันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันสำคัญของชาติไทย ดังนี้ 

1. เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร 

2. เป็นวันชาติ 

3. เป็นวันพ่อแห่งชาติ

โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป 

4 ธันวาคม ‘วันสิ่งแวดล้อมไทย’ รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ในหลวง ร.9 ที่ทรงมีพระราชดำรัสถึงสิ่งแวดล้อมไทย

วันที่ 4 ธันวาคม ของทุกปี เป็น ‘วันสิ่งแวดล้อมไทย’ กำหนดขึ้นเพื่อระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงมีพระราชดำรัสถึงสถานการณ์สิ่งแวดล้อมของประเทศไทย

วันที่ 4 ธันวาคม ของทุกปี เป็น ‘วันสิ่งแวดล้อมไทย’ กำหนดขึ้นเพื่อระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงมีพระราชดำรัสถึงสถานการณ์สิ่งแวดล้อมของประเทศไทยและสถานการณ์สิ่งแวดล้อมโลก เมื่อครั้งเสด็จออกให้คณะบุคคลต่าง ๆ เข้าเฝ้าถวายพระพรชัยมงคลเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลา ดุสิดาลัย พระตำหนัก จิตรลดารโหฐาน เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2532 เพื่อตรัสเตือนคนไทยให้ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาสิ่งแวดล้อมที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้นทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก โดยเฉพาะปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก และให้ถือว่าเป็นหน้าที่ของทุกคนที่ต้องร่วมมือกันแก้ไข้ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้มีพระราชดำรัสใจความตอนหนึ่งว่า

“วันก่อนนี้เราพูดถึงปัญหาว่า เมืองไทยนี้อีกหน่อยจะแห้ง ไม่มีน้ำเหลือจะต้องไปซื้อน้ำจากต่างประเทศซึ่งก็อาจเป็นได้ แต่เชื่อว่าจะไม่เป็นอย่างนั้นเพราะว่าถ้าคำนวณดูน้ำในประเทศไทยที่ไหลเวียนนั้นยังมีอยู่ เพียงแต่ต้องบริหารให้ดี ถ้าบริหารให้ดีแล้ว มีเหลือเฟือ มีตัวเลขแล้ว แต่ว่ายังไม่ได้ไปแยกแยะตัวเลข เหมือนที่ได้แยกแยะตัวเลขของคาร์บอน น้ำนั้นน่ะ ในโลกมีมากแล้วที่ใช้จริงๆ มันเป็นเศษหนึ่งส่วนหมื่นของน้ำที่มีอยู่ อาจไม่ถึง ก็ต้องบริหารให้ดีเท่านั้นเอง เดี๋ยวนี้ก็มีปัญหาเกี่ยวกับน้ำ น้ำนี้จะต้องใช้ให้ดี คือ น้ำนั้นมีคุณอย่างที่เราใช้สำหรับบริโภค น้ำสำหรับการเกษตร น้ำสำหรับอุตสาหกรรมทั้งหมดนี้ต้องใช้น้ำที่ดี หมายความว่าน้ำที่สะอาด”

“น้ำมีมากในโลก เป็นน้ำทะเลส่วนใหญ่ซึ่งจะใช้อย่างนี้ไม่ได้แล้ว นอกจากนั้นเดี๋ยวนี้ที่กำลังมีมากขึ้นก็คือ น้ำเน่า จะต้องป้องกันไม่ให้มีน้ำเน่า น้ำเน่าจะมีอยู่เสมอ แต่อย่าให้น้ำเน่านั้นเป็นโทษมากเกินไป ฉะนั้น นี่เป็นอีกโครงการหนึ่งที่เราจะต้องปฏิบัติ แล้วก็ถ้าไม่จัดการโดยเร็วเราจะนอนอยู่ในน้ำเน่า น้ำดีจะไม่มีใช้แม้จะไปซื้อน้ำจากต่างประเทศมา ก็กลายเป็นน้ำเน่าหมด เพราะว่าเอามาใช้โดยไม่ได้ระมัดระวัง”

“ถ้าเรามีน้ำแล้วมาใช้อย่างระมัดระวังข้อหนึ่ง และควบคุมน้ำที่เสียอย่างดีอีกข้อหนึ่ง ก็อยู่ได้ เพราะว่าภูมิประเทศของประเทศไทย ‘ยังให้’ ใช้คำว่า ‘ยังให้’ ก็หมายความว่า ยังเหมาะแก่การอยู่กินในประเทศนี้ ไม่ใช่ไม่เหมาะ ประเทศไทยนี้เป็นที่ที่เหมาะมากในการตั้งถิ่นฐาน แต่ว่าต้องรักษาเอาไว้ไม่ทำให้ประเทศไทยซึ่งเป็นสวนเป็นนากลายเป็นทะเลทรายก็ป้องกันได้ ทำได้”

เชียงใหม่ เริ่มแล้ว! งานเกษตรภาคเหนือ ครั้งที่ 10 “นวัตกรรมเกษตรอัจฉริยะ เพื่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน”

เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2565 ที่ ศูนย์วิจัยสาธิตและฝึกอบรมการเกษตรแม่เหียะ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ดร.จรัลธาดา กรรณสูต องคมนตรี ในฐานะประธานกรรมการมูลนิธิโครงการหลวง ประธานในพิธีเปิดงานเกษตรภาคเหนือ ครั้งที่ 10 “นวัตกรรมเกษตรอัจฉริยะเพื่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน" ระหว่างวันที่ 1-12 ธันวาคม 2565 เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองวันสถาปนาครบรอบ 55 ปี ของคณะเกษตรศาสตร์ และเผยแพร่ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการเกษตรของในหลวงรัชกาลที่ 9 และการสืบสาน รักษา ต่อยอด แนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 10 พร้อมทั้งเผยแพร่องค์ความรู้ ผลงานวิจัย และนวัตกรรมด้านเกษตรอัจฉริยะของคณะเกษตรศาสตร์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยมีศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิตมงคล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวต้อนรับ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ดรุณี นาพรหม คณบดีคณะเกษตรศาสตร์  มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวรายงาน พร้อมด้วย นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานเอกชน และประชาชนชาวเชียงใหม่ เข้าร่วมพิธีฯ

โอกาสนี้ ดร.จรัลธาดา กรรณสูต องคมนตรี ในฐานะประธานกรรมการมูลนิธิโครงการหลวง กล่าวชื่นชมยินดีกับพันธกิจที่คณะเกษตรศาสตร์ได้ดำเนินการ ทั้งในด้านการผลิตบัณฑิตที่มุ่งเน้นการเป็นวิทยาศาสตร์เกษตร การวิจัยค้นคว้าเพื่อสร้างนวัตกรรมสมัยใหม่ และแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกร การบริการวิชาการเพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ไปสู่ชุมชน เกษตรกรและหน่วยงานต่าง ๆ รวมทั้งการสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านการเกษตรกับองค์กรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน

ทั้งนี้ ผมเห็นว่าการจัดงานเกษตรภาคเหนือ เป็นกิจกรรมบริการวิชาการ ที่ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมากทั้งต่อหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่ร่วมจัดงาน รวมทั้งเป็นประโยชน์ต่อสังคม ชุมชน และที่สำคัญคือต่อตัวของเกษตรกรโดยตรง ที่จะได้เรียนรู้และรับทราบข้อมูลข่าวสารการพัฒนาเทคโนโลยีการเกษตรที่ทันสมัย และสามารถที่จะนำองค์ความรู้ต่าง ๆ ไปพัฒนาระบบการผลิตให้ดีและมีมาตรฐาน

ซึ่งจะทำให้ผลผลิตมีคุณภาพ มีความปลอดภัย สามารถพัฒนาไปสู่การเป็น Smart Agriculture เพื่อสร้างและถ่ายทอดนวัตกรรมการเกษตร มุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน เป็นที่ยอมรับของตลาดและประชาคมโลก ในขณะเดียวกันเกษตรกรก็จะมีคุณภาพชีวิตและฐานะทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ส่งเสริมให้เกิดระบบการผลิตที่มีมาตรฐาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติในภาพรวมต่อไป

ปตท. มอบรางวัล การประกวดการพัฒนา - รณรงค์ใช้ ‘หญ้าแฝก’ เพื่อเป็นแบบอย่างการอนุรักษ์ดิน-น้ำอย่างยั่งยืน

ปตท. จัดพิธีมอบรางวัลการประกวดการพัฒนาและรณรงค์การใช้หญ้าแฝกอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ครั้งที่ 12 ประจำปี 2563 - 2565

เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลการประกวดการพัฒนาและรณรงค์การใช้หญ้าแฝกอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ครั้งที่ 12 (ประจำปี 2563 - 2565) ภายใต้แนวคิด ‘รักษ์น้ำ ป่า ดิน ด้วยแฝกองค์ภูมินทร์ ฟื้นถิ่น ยั่งยืน’ ภายใต้ความร่วมมือขององค์กรร่วมจัด ได้แก่ มูลนิธิชัยพัฒนา สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) กรมพัฒนาที่ดิน และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เพื่อส่งเสริมการขยายผลการปลูกหญ้าแฝกให้เป็นแบบอย่างในการอนุรักษ์ดินและน้ำอย่างยั่งยืน

การจัดการประกวดครั้งนี้ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชทานโล่รางวัลแก่ผู้ชนะเลิศการประกวด ส่วนผู้ที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศและรางวัลชมเชยได้รับโล่พร้อมรับเกียรติบัตรจากองค์กรร่วมจัด โดยมีผู้ส่งผลงานเข้าร่วมประกวดทั้งสิ้น 58 ผลงาน ซึ่งแบ่งการประกวดออกเป็น 2 ประเภทผลงาน คือ


TRENDING
© Copyright 2022, All rights reserved. North Time Thailand
Take Me Top