Thursday, 28 March 2024
North Time Team

20 ตุลาคม พ.ศ. 2520 พล.ร.อ.สงัด ชลออยู่ ทำรัฐประหารซ้ำ ล้มรัฐบาลธานินทร์ กรัยวิเชียร

20 ตุลาคม พ.ศ. 2520 พลเรือเอกสงัด ชลออยู่ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดและหัวหน้า คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ล้มรัฐบาลนายธานินทร์ กรัยวิเชียร

รัฐประหาร 20 ตุลาคม พ.ศ. 2520 เป็นการรัฐประหารอีกครั้งหนึ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทย โดยผู้ที่นำการรัฐประหาร คือ พลเรือเอกสงัด ชลออยู่ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดและหัวหน้า คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ล้มรัฐบาลนายธานินทร์ กรัยวิเชียร

เหตุเนื่องจากการที่คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินที่นำโดย พล.ร.อ.สงัด ได้ทำการรัฐประหารเมื่อปี พ.ศ. 2519 เนื่องจากในเหตุการณ์ 6 ตุลา และแต่งตั้ง นายธานินทร์ กรัยวิเชียร เป็นนายกรัฐมนตรี โดยรัฐบาลนายธานินทร์มีภารกิจสำคัญที่จะต้องกระทำคือ การปฏิรูปการเมืองภายในระยะเวลา 12 ปี ซึ่งทางคณะปฏิรูปฯเห็นว่าล่าช้าเกินไป ประกอบกับสถานการณ์ต่าง ๆ ในประเทศยังไม่สงบดีด้วย ดังนั้นจึงกระทำการรัฐประหารซ้ำอีกครั้ง ซึ่งอาจเรียกว่าเป็นการ รัฐประหารตัวเอง เพื่อกระชับอำนาจก็ว่าได้

โดยมีประกาศในการรัฐประหารไว้ดังนี้ การบริหารงานของรัฐบาล นายธานินทร์ กรัยวิเชียร ไม่อาจแก้ปัญหาสำคัญของประเทศทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และอุตสาหกรรม ให้ลุล่วงไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการปิดกั้นเสรีภาพทางความคิดเห็นของประชาชน ตลอดจนท่าทีของรัฐบาลในการลอบวางระเบิดใกล้พลับพลาที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่จังหวัดยะลา

ลมหนาวหนุนท่องเที่ยวเชียงใหม่คึกคัก 'ดอยอินทนนท์' คนไม่ขาดสาย-ผู้ว่าฯ เชื่อไฮซีซันนี้ นทท.เพิ่มเท่าตัว

ลมหนาวส่งผลดีทำ 'ดอยอินทนนท์' นักท่องเที่ยวคึกคักแม้ช่วงวันธรรมดา ขณะที่ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ประเมินไฮซีซันนี้คนเที่ยวเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เชื่อตลอดทั้งปีนี้ตัวเลขทะลุ 6 ล้านคน พร้อมขอความร่วมมือทุกภาคส่วนช่วยกันสร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยวอยากกลับมาเที่ยวซ้ำเรื่อยๆ

วันนี้ (19 ต.ค. 65) รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า สภาพอากาศที่เริ่มหนาวเย็นลงส่งผลดีทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวคึกคักขึ้นตามลำดับแม้ว่าจะเป็นช่วงกลางสัปดาห์ โดยเช้านี้ที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ยังคงมีนักท่องเที่ยวต่างพากันเดินทางเข้าท่องเที่ยวชื่นชมธรรมชาติและสัมผัสอากาศเย็นสบายกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอุณหภูมิต่ำสุดเช้าวันนี้วัดได้ 10 องศาเซลเซียส ที่บริเวณยอดดอยและกิ่วแม่ปาน ขณะที่สถิตินักท่องเที่ยววานนี้ (18 ต.ค. 65) มีจำนวนทั้งสิ้น 1,688 คน เป็นคนไทย 1,305 คน และชาวต่างชาติ 383 คน ยานพาหนะ 422 คัน

ตำรวจตามรวบหนุ่มลำพูน 'พกยาบ้า-ลักทรัพย์' พบประวัติทำผิดโชกโชน เคยก่อคดีข้ามจังหวัด

กรณีนายธนศักดิ์ อุตสาห์ปัน หรือเดี่ยว อายุ 39 ปี ชาวบ้านทุ่งโป่ง อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน ผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ ได้อาศัยจังหวะเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านโผ่ง เผลอระหว่างนำตัวขึ้นโรงพักเซ็นเอกสารรับทราบข้อกล่าวหา วิ่งหลบหนีออกจากโรงพักข้ามถนนลำพูน-ลี้ ไปอีกฝั่งของถนน เมื่อค่ำวันที่ (18 ต.ค. 65) ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ไล่กวดติดตามไปพร้อมกับชาวบ้านบริเวณใกล้เคียง แต่ไม่ทันเพราะมืดค่ำแล้ว จึงระดมกำลังทั้งตำรวจชุดสืบสวน ฝ่ายปกครอง ผู้นำชุมชนและส่วนที่เกี่ยวข้อง ออกค้นหากันทั้งคืน แต่ไม่พบตัวนั้น

ล่าสุดช่วงสายวันนี้ (19 ต.ค. 65) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่านายเดี่ยวได้หลบซ่อนตัวอยู่บ้านญาติที่บ้านทุ่งโป่ง อ.บ้านโฮ่ง ห่างจากโรงพักประมาณ 6 กิโลเมตร จึงนำกำลังไปจับกุมได้ตัวในที่สุด จากนั้นจึงควบคุมตัวไปที่ สภ.บ้านโฮ่ง แล้วรีบนำตัวส่งฟ้องศาลทันที

ญาติผู้เสียชีวิต 'ลุงวัย 58' จมบ่อปลาลึก 9 เมตร ตื้นตัน!! หลังทหารรุดช่วยค้นหาร่างสำเร็จ ทันทีที่ขอความช่วยเหลือ

เมื่อ (17 ต.ค. 65) กองร้อยลาดตระเวนระยะไกล 4 (ร้อย.ลว.ไกล 4/พล.ร.4) จัดกำลังชุดปฏิบัติการช่วยเหลือกู้ภัยทางน้ำจำนวน 8 นาย พร้อมอุปกรณ์ดำน้ำ ร่วมกับ มูลนิธิประสาทบุญสถาน/หน่วยกู้ภัยจังหวัดพิษณุโลก ในการร่วมกันค้นหาร่างผู้เสียชีวิต ภายหลังได้รับแจ้งเหตุมีคนสูญหายเมื่อวันที่ 16 ต.ค. เวลาประมาณ 21.00 น. จากการจมน้ำ ทราบชื่อ นายมานะ วิชัย อายุ 58 บ้านเลขที่ 187 หมู่ 3 ตำบลปากแรด อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก

โดยเหตุเกิด บริเวณบ่อปลาท้ายชุมชน ซึ่งลักษณะพื้นที่มีน้ำท่วมหลาก ความลึกประมาณ 9 เมตร พิกัด  47Q PU 177533 บ.วังแดง ม.7 ต.บางระกำฯ ต่อมาพบร่างผู้จมน้ำเสียชีวิตเมื่อเวลาประมาณ 11.30 น. ของวันที่ 17 ต.ค.65 

เรื่องนี้ สร้างความตื้นตันใจให้กับญาติพี่น้องผู้เสียชีวิตเป็นอย่างมาก ที่ จนท.ทหาร มาร่วมค้นหาฯ ในครั้งนี้ 

ทั้งนี้ ทางหน่วยได้เคยร่วมปฏิบัติภารกิจในการช่วยเหลือกู้ภัยทางน้ำเช่นนี้ มาก่อนหน้านี้อยู่เสมอ โดยจะได้รับแจ้งข้อมูลการขอความช่วยเหลือผ่านทางมูลนิธิฯ มาโดยตลอด เพื่อสนองต่อภารกิจ 'กองทัพบกช่วยเหลือประชาชน' และได้เตรียมความพร้อมทั้งกำลังพล และยุทโธปกรณ์ ณ ที่ตั้งหน่วยฯ และพร้อมให้การช่วยเหลือเมื่อได้รับการร้องขอทันที ผลการปฏิบัติเป็นไปด้วยความเรียบร้อยกำลังพลทุกนายปลอดภัย

19 ตุลาคม ‘วันเทคโนโลยีของไทย’ เทิดพระเกียรติพระอัจฉริยภาพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9

พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงเป็นพระบิดาแห่งเทคโนโลยีของไทย หลังทรงพระกรุณาบัญชาการปฏิบัติการทำฝนสาธิตด้วยพระองค์เอง เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2515

นอกจากจะทรงเป็นนักปกครองแล้ว พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ยังทรงมีอัจฉริยภาพทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จนเป็นที่ประจักษ์ไปทั่วโลก ด้วยเหตุนี้ประเทศไทยจึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และได้กำหนดให้ วันที่ 19 ตุลาคม เป็นวันเทคโนโลยีของไทย 

สาเหตุที่กำหนดให้วันที่ 19 ตุลาคม เป็นวันเทคโนโลยีของไทย เนื่องจาก เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2515 หรือเมื่อ 50 ปีที่แล้ว ด้วยพระปรีชาสามารถในการค้นคว้าทดลองและปฏิบัติการทำฝนหวังผล ให้ตกในพื้นที่เป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ประเทศสิงคโปร์ที่กำลังประสบภาวะแห้งแล้งอย่างรุนแรงเช่นเดียวกับสภาวะแห้งแล้งในพื้นที่ภาคใต้ตอนบน ได้แก่ จังหวัดเพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ในขณะนั้น ขอส่งนักวิทยาศาสตร์มาสังเกตการณ์และขอรับถ่ายทอดประสบการณ์และความเชี่ยวชาญใน การปฏิบัติการทำฝนหวังผลในประเทศไทย 

ในการนี้ทรงพระกรุณารับบัญชาการปฏิบัติการสาธิตด้วยพระองค์เอง ทรงกำหนดให้อ่างเก็บน้ำของเขื่อนแก่งกระจาน อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งมีพื้นที่ผิวน้ำเพียง 46.5 ตารางกิโลเมตรหรือ 1,162.5 ไร่ เป็นพื้นที่เป้าหมายหวังผลในการปฏิบัติการทำฝนสาธิตครั้งนี้ ซึ่งเป็นเป้าหมายที่เล็กที่สุดเท่าที่เคยปฏิบัติการค้นคว้าทดลองและปฏิบัติการทำฝนหวังผลที่ผ่านมา ทรงปฏิบัติการฯสาธิต ในวันที่ 19ตุลาคม 2515 ณ ศูนย์บัญชาการฯ สันเขื่อนแก่งกระจาน ทรงสามารถบังคับหรือชักนำฝนให้ตกลงสู่อ่างเก็บน้ำเขื่อนแก่งกระจานอย่างแม่นยำภายในเวลาประมาณ 5 ชั่วโมงนับจากเริ่มปฏิบัติการ เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาและเป็นที่น่าอัศจรรย์แก่นักวิทยาศาสตร์สิงคโปร์ และข้าราชบริพารที่เป็นข้าราชการและข้าราชบริพารระดับสูงที่เฝ้าฯ สังเกตการณ์อยู่ ณ ที่นั้น ต่างประทับใจในพระมหากรุณาธิคุณและพระปรีชาสามารถ  

การสาธิตฝนครั้งนั้น ถือเป็นต้นกำเนิดเทคโนโลยีฝนหลวงที่พัฒนาเป็นการทำฝนมาถึงปัจจุบัน และเพื่อจารึกไว้เป็นเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ของชาติไทย ในวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2543  คณะรัฐบาลจึงมีมติให้เทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงเป็น 'พระบิดาแห่งเทคโนโลยีของไทย' และกำหนดให้วันที่ 19 ตุลาคมของทุกปีเป็น 'วันเทคโนโลยีของไทย' เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดีและรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอด โดยได้ทรงศึกษาค้นคว้าวิจัย และทรงนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ตลอดจนเป็นการแสดงเทคโนโลยีที่คิดค้นประดิษฐ์ และพัฒนาโดยคนไทย เพื่อเป็นการกระตุ้นให้สาธารณชนเกิดความเชื่อมั่นและเข้าร่วมพัฒนาเทคโนโลยีของไทย 

นอกจาก 'โครงการฝนหลวง' แล้ว พระองค์ยังทรงเป็นนักประดิษฐ์ และนักวิทยาศาสตร์ ดังจะเห็นได้จากโครงการในพระราชดำริ และที่เป็นสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ หลายด้าน ตัวอย่างเช่น 

เราทำความดี ด้วยหัวใจ มทบ.32 จัดกำลังพลจัดกิจกรรมจิตอาสา

มทบ.32 จัดกำลังพล 'เราทำความดี ด้วยหัวใจ' กิจกรรมจิตอาสาพัฒนาวัดปงสนุกเหนือ น้อมถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันคล้าย วันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว วันที่ 18 ต.ค. 2565 "
.
เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2565 เวลา 09.04 น. พลตรีพรชัย นพรัตน์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32/ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทานมณฑลทหารบกที่ 32 ได้นำวิทยากรจิตอาสา 904  พร้อมด้วย กำลังพลจิตอาสา พระราชทานมณฑลทหารบกที่ 32 , กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 17 ร่วมกับจิตอาสาพระราชทานจังหวัดลำปาง , ฝ่ายปกครอง , สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดลำปาง และประชาชนจิตอาสา ร่วมทำกิจกรรม "จิตอาสาพัฒนาพื้นที่วัดปงสนุกเหนือ ตำบลเวียงเหนือ อำเภอเมืองลำปาง

อานิสงส์ไฮซีซัน รับลมหนาว คาดปีนี้ยอดพุ่งเข้า 6 ล้านคน

อานิสงส์ไฮซีซัน รับลมหนาว เชียงใหม่พร้อมรับนักท่องเที่ยวคาดปีนี้ ยอดพุ่งเข้า 6 ล้านคน เกินครึ่งของช่วงก่อนเกิดโควิด ด้าน ผวจ.เชียงใหม่ ขอคนในพื้นที่เป็นเจ้าบ้านอ้าแขนรับนักท่องเที่ยว

วันที่ (18 ต.ค. 65) นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เผยว่า ในช่วงเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ ในภาพรวมได้เชิญชวนทุกภาคส่วนมาช่วยกันทำให้เชียงใหม่ คงความสวยงามเป็นเมืองระดับโลก สะอาด ปลอดภัย ใครก็อยากจะมาเยือน ขณะนี้ให้ทุกภาคส่วนดูแลเรื่องของความสะอาด เขียว สดใส โดยเฉพาะการเก็บกวาดป้ายโฆษณาที่ไม่ได้รับอนุญาตในพื้นที่เมือง และรอบ ๆ ที่ติดตั้งขวางทางเดิน หรือติดตั้งแบบไม่สวยงามต่าง ๆ โดยเฉพาะแค่ไม่กี่วันได้เก็บไปแล้วกว่า 10,000 ป้าย เพื่อให้บ้านเมืองสะอาดสวยงาม ซึ่งขณะนี้จังหวัดเชียงใหม่ มีความพร้อมที่จะรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาเยือนแน่นอน ส่วนแผนยุทธศาสตร์จังหวัดจะไม่มีการรื้อแผน มีอะไรเปิดคุยกันและเดินหน้าเพราะสิ่งที่คิดมาดีอยู่แล้ว จะมีแต่เรื่องการเติมแผนเข้าไปใหม่

สำหรับสิ่งที่คาดหวังด้านการท่องเที่ยวนั้น คนที่เข้ามาเที่ยวต้องกลับเข้ามามากกว่า 2 ปีที่หายไป ซึ่งประเมินแล้วว่าต้องกลับมามากว่าเท่าตัว อย่างน้อยภาพรวมของปีนี้น่าจะได้เกินมากกว่า 50% ของช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ที่ประมาณ 6 ล้านคน ในตลอดทั้งปีนี้ เพราะ 3 เดือนที่ผ่านมาทำให้ตัวเลขสูงขึ้นตามลำดับ

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ยังกล่าวอีกว่า การเชิญคนกลับมาไม่ได้ยาก แต่สิ่งที่ยากกว่าคือเมื่อนักท่องเที่ยวมาแล้วเกิดความประทับใจ และอยากกลับมาอีก ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวไทยที่สามารถเดินทางมาเชียงใหม่ได้ทุกสัปดาห์ และอยากให้รู้สึกว่าเชียงใหม่มาได้ทุกวัน มาได้ทุกดอย หรือเชียงใหม่ว่างเมื่อไหร่ก็มานะ เพราะเกิดรายได้ที่หลากหลายในพื้นที่ จะไม่ทำเพื่อหลอกใครมาครั้งเดียว และจะต้องขายสินค้าด้านการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ


ที่มา : https://www.chiangmainews.co.th/economics/2769471/?fbclid=IwAR2q0drwuqbb94K9IdJcyXHKTHScKdKCS5VsXbZ04JuAPUHU82uUx7h0MV4

'ทะเลสาบดอยเต่า' คืนชีพ!! อานิสงส์น้ำเต็มเขื่อนภูมิพล ธุรกิจเรือนแพคึกคัก!! สร้างอาชีพ-รายได้ให้ชาวบ้าน

'ทะเลสาบดอยเต่า' ที่แล้งหนักมานานกว่า 10 ปีฟื้นคืนชีพ-เรือนแพท่องเที่ยวคึกคัก หลังน้ำเหนือไหลลงสูงสุดวันละ 200 ล้าน ลบ.ม.จนเต็มเขื่อนภูมิพล เวิ้งน้ำเต็มถึงดอยเต่าสุดลูกหูลูกตา ส่งผลดีต่อการท่องเที่ยว สร้างรายได้และอาชีพให้ชาวบ้าน

ขณะนี้ผู้ประกอบการแพท่องเที่ยวในพื้นที่ อ.ดอยเต่า จ.เชียงใหม่ ต่างเร่งลงมือซ่อมแซมทุ่นลอยเพื่อใช้ทำแพท่องเที่ยวเพิ่มเติม เพื่อบริการล่องแพทะเลสาบดอยเต่ากันอีกครั้ง หลังช่วงฤดูแล้งผู้ประกอบการแพท่องเที่ยวต้องยกแพขึ้นมาบนฝั่งนานหลายปี เนื่องจากน้ำในทะเลสาบดอยเต่าแห้งขอดจนไม่สามารถจัดกิจกรรมล่องแพท่องเที่ยวได้

กระทั่งปีนี้ฝนชุกทำให้มวลน้ำปริมาณมากได้ไหลลงสู่แม่น้ำปิง จนปริมาณน้ำเหนือเขื่อนภูมิพลมีมากสุดในรอบ 10 ปีตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา โดยช่วงที่ฝนตกหนักทางพื้นที่ตอนเหนือเขื่อนมีน้ำไหลเข้าตัวเขื่อนมากที่สุด 200 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ช่วงนี้ฝนเริ่มลดลงทำให้ปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนเริ่มลดลงเหลือวันละ 47 ล้านลูกบาศก์เมตร และจะยังคงมีน้ำไหลเข้าเขื่อนจนถึงช่วงปลายปี ทำให้ล่าสุดปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพลมีทั้งหมด 11,628 ลูกบาศก์เมตรคิดเป็นร้อยละ 86 ของความจุเขื่อน

ลำพูนนำร่อง!! พัฒนาแนวทางการป้องกันการฆ่าตัวตาย

ลำพูนนำร่องพัฒนาแนวทางการป้องกันการฆ่าตัวตาย พร้อมเฝ้าระวัง ติดตาม ดูแล และส่งต่อ กลุ่มเปราะบางที่มีพฤติกรรมเสี่ยงให้ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที

วันนี้ (11 ต.ค. 65) เวลา 09:00 นาฬิกา ที่ห้องประชุมดอกคำป้าน ชั้น 2 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำพูน ตำบลเหมืองง่า อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน นายสันติธร ยิ้มละมัย ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาแนวทางการป้องกันการฆ่าตัวตาย 4 จังหวัดนำร่อง จังหวัดลำพูน โดยมี นายแพทย์ บุรินทร์ สุรอรุณสัมฤทธิ์ ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต, ศาสตราจารย์แพทย์หญิงสุวรรณา อรุณพงค์ไพศาล ราชวิทยาลัยจิตแพทย์แห่งประเทศไทย เป็นวิทยากรให้ความรู้ แก่บุคลากรสาธารณสุขและภาคีเครือข่าย ให้นำความรู้ที่ได้ไปพัฒนาการดำเนินงานป้องกันการฆ่าตัวตายสำหรับกลุ่มเปราะบางที่มีพฤติกรรมการฆ่าตัวตายเพื่อให้เหมาะกับพื้นที่แล้ว ยังเป็นการดูแล เฝ้าระวัง ส่งต่อ ติดตามต่อเนื่องกลุ่มเปราะบางที่มีพฤติกรรมการฆ่าตัวตายให้ได้รับการช่วยเหลือเข้าสู่ระบบบริการอย่างทันท่วงที เพื่อลดอัตราการฆ่าตัวตายในพื้นที่

อยู่ครบทุกตัว!! สยบข่าวลือ 'จระเข้หลุด' ช่วงน้ำท่วม

จนท.ทั้งเกษตรฯ - ประมงตระเวนลงพื้นที่ตรวจฟาร์มจระเข้ทั่วพิจิตร ไล่นับครบทุกบ่อ สยบข่าวลือ..หลังน้ำยม-น้ำน่านล้นตลิ่งท่วมหลายพื้นที่ ทำชาวบ้านลือสะพัดพบจระเข้หลุดฟาร์มโผล่หลายจุด ขณะที่คนเลี้ยงโอดเศรษฐกิจตกต่ำ กระทบยอดขาย บอกลูกไอ้เข้ตัวละ 100 ยังไม่มีใครซื้อ

นายธรรมนูญ แจ่มศรี เกษตรและสหกรณ์จังหวัดพิจิตร, นายพงษ์พันธ์ สุนทรวิภาต ประมงจังหวัดพิจิตร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจฟาร์มเลี้ยงจระเข้ของผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดพิจิตร ซึ่งมี 10 ราย อยู่ในเขต อ.โพทะเล อ.เมืองพิจิตร อ.สามง่าม อ.ทับคล้อ มีจระเข้รวมแล้วทั้งสิ้น 1,380 ตัว เนื่องจากในช่วงนี้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ จนมีข่าวลือว่าชาวบ้านพบเห็นจระเข้โผล่อยู่ตรงนั้นบ้างตรงนี้บ้าง

เบื้องต้นพบว่าฟาร์มจระเข้ทุกแห่งที่ลงตรวจมีการก่อสร้างเป็นบ่อซีเมนต์-กำแพงสูงกว่า 2 เมตร อยู่ในทำเลที่ตั้งซึ่งเป็นที่ดอนไม่ถูกน้ำท่วม ตรวจนับแล้วจระเข้อยู่ครบ ผู้ประกอบการฟาร์มเลี้ยงจระเข้ทำธุรกิจเลี้ยงขายเพียงอย่างเดียว ไม่ได้เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวให้เข้าชมแต่อย่างใด


TRENDING
© Copyright 2022, All rights reserved. North Time Thailand
Take Me Top