Thursday, 28 March 2024
NEWSFEED

ลงพื้นที่ พิษณุโลก 'หมอวรงค์' ชงนโยบาย ปุ๋ยราคาถูก เพื่อปลดหนี้เกษตรกรภายใน 3 ปี

วันนี้ 30 มี.ค. 2566 นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี จรยุทธ์จังหวัดพิษณุโลก เปิดเวทีปราศรัยย่อย หลังการประชุมรับฟังความคิดเห็นไพรมารีโหวต เขตเลือกตั้งที่ 1 โดยระบุว่า การกลับมาพบประชาชนครั้งนี้มาในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ที่เข้าใจปัญหาความเดือดร้อน ภาระค่าครองชีพ และมีทางออกมา ที่จะผลักดันนโยบายค่าไฟ ก๊าซหุงต้ม ปุ๋ยยูเรียราคาถูก เพื่อปลดหนี้เกษตรกรภายใน 3 ปี

 

นพ.วรงค์ กล่าวว่า ทางออกของเกษตรกรที่จะต้องปรับเปลี่ยน คือ การแบ่งพื้นที่ทำนามาปลูกพืชพลังงานเนเปียร์ เพื่อผลิตไฟฟ้าขายครัวเรือน ราคาหน่วยละ 2.50 บาท ผลิตก๊าซหุงต้ม ถังละ 225 บาท ปุ๋ยยูเรียกระสอบละ 750 บาท โดยรัฐบาลให้หลักประกันกำไรไร่ละ 10,000-14,000 ต่อไร่ต่อปี ซึ่งเบ็ดเสร็จแล้วจะนำไปสู่การปลดหนี้เกษตรกรภายใน 3 ปี

“ไม่มีพรรคไหนมีนโยบายทำให้ประชาชนอย่างยั่งยืนเท่ากับพรรคไทยภักดี พรรคอื่นใช้เงิน แล้ว 4 ปีค่อยมาหาพี่น้อง แต่สิ่งที่พรรคทำแตกต่างกัน” นพ.วรงค์กล่าว

 

นพ.วรงค์กล่าวว่า ความตั้งใจเมื่อได้เข้าไปในสภา จะไปต่อสู้กับนายทุนผูกขาด จะเข้าไปปราบโกงเพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชน ถึงเวลาที่ประชาชน ต้องออกมาช่วยพรรคไทยภักดี วันเข้าคูหา ใช้หัวใจตัดสินใจเลยว่า จะช่วยหมอวรงค์เข้าไปสภา เพื่อผลักดันนโยบายให้บรรลุผลที่ต้องการ พลังต่อสู้ทุนผูกขาดไม่มีพลังไหนเท่ากับพลังประชาชน

รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ

วันที่ 28 มี.ค.2566 - ที่ทำการพรรครวมไทยสร้างชาติ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พร้อมด้วย นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค สวมเสื้อพรรครวมไทยสร้างชาติให้กับ นายธวัชชัย กันนะพันธุ์ อดีตนายก อบจ.พิษณุโลก

 

ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยมี นายหิมาลัย ผิวพรรณ ผู้ประสานงานพรรคและแกนนำพรรคภาคเหนือร่วมแสดงความยินดี


นายธวัชชัย เปิดเผยว่า ต้องขอบคุณผู้ใหญ่ในพรรครวมไทยสร้างชาติหลายๆท่าน เช่น นายพีระพันธุ์ นายเอกนัฏ รวมทั้ง นายหิมาลัย ที่เปิดโอกาสให้ตนเองรับตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคในครั้งนี้

 

ซึ่งที่ผ่านมาตนเองมีความตั้งใจที่จะช่วยพรรครวมไทยสร้างชาติมาตลอด เพราะมีความเชื่อมั่นใน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคฯ และผู้ใหญ่ในพรรครวมไทยสร้างชาติ อีกหลายๆท่าน

 

ที่ให้โอกาสและมอบหมายให้ตนดูแลว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทุกเขตในจังหวัดพิษณุโลก ตนเองมีความพร้อมและยินดีเป็นอย่างยิ่ง


“ผมจะทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถให้สมกับที่ได้รับความไว้วางใจ พร้อมจะพัฒนาว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อให้พรรครวมไทยสร้างชาติ ปักธงใน จ.พิษณุโลกให้ได้ทั้ง 5 เขต " นายธวัชชัย กล่าว

"ชัยวุฒิ" เมิน "ทักษิณ" หลังโพสต์ไม่โง่พอดันบิ๊กป้อม เป็นนายกรัฐมนตรี

วันที่ 28 มี.ค.66 พรรคพลังประชารัฐ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีออกมาตอบโต้นายวิรัช รัตนเศรษฐ ผ่านทวิตเตอร์ว่า พรรคเพื่อไทยไม่โง่พอที่จะยกตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้กับ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐว่า พปชร.มีนโยบายก้าวข้ามความขัดแย้งและไม่ขัดแย้งกับทุกพรรค จึงไม่อยากตอบโต้เรื่องนี้ ซึ่งการทำงานในทางการเมืองมันก็ทำงานตามสถานการณ์ บางครั้งไม่ได้ฉลาดทุกครั้ง ต้องมีบางเรื่องที่ต้องตัดสินใจร่วมกัน 

 

เมื่อถามว่า มองว่าการปรามาสครั้งนี้ ให้รอวันที่ผลการเลือกตั้งออกเลยใช่หรือไม่ นายชัยวุฒิกล่าวว่า การเลือกตั้งเป็นเรื่องของประชาชน ยืนยันว่า แต่ละพรรคต่อสู้กันเต็มที่ เสนอนโยบายและลงพื้นที่เข้าหาพี่น้องประชาชน ผู้สมัครแต่ละเขต แข่งกันเต็มที่ไม่มีการจับมือกัน หรือ ตกลงกันว่า ใครจะเป็นรัฐบาลหรือเป็นนายกรัฐมนตรี ทุกอย่างเป็นไปตามกรอบประชาธิปไตย 

 

เมื่อถามว่า แสดงว่าไม่ปฏิเสธที่จะจับมือร่วมรัฐบาลกับใครใช่หรือไม่ นายชัยวุฒิกล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐก้าวข้ามความขัดแย้ง ฉะนั้นไม่มีเงื่อนไขที่จะต้องขัดแย้งกัน อะไรที่เป็นประโยชน์หรือประชาชนยอมรับเราเราก็ทำงานร่วมกันได้อะไรที่เป็นความขัดแย้งหรือเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องก็ก้าวข้ามไป 

 

เมื่อถามว่า การที่อีกฝั่งพยายามปราศรัยว่า ไม่พร้อมจับมือเพราะกลัวเสียคะแนนใช่หรือไม่ นายชัยวุฒิกล่าวว่า ไปถามอีกฝั่งจะดีกว่า แต่ละพรรคก็มีแนวคิดและนโยบาย จะมาตอบแทนกันไม่ได้ แต่สำหรับพรรคพลังประชารัฐไม่ได้ขัดแย้งกับใคร และพลเอกประวิตรมีความประนีประนอมสูง มีเหตุมีผล อย่าเอาเรื่องความขัดแย้งทางการเมือง หรือการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่บรรยากาศในขณะนี้ และเรานำเสนอนโยบายให้ประชาชน เสนอตัวผู้สมัครที่ประชาชนชอบ เอาคนเก่งๆ มาทำงานร่วมกัน ถ้าทุกคนตั้งใจทำความดีหรือได้คนดีๆ มาทำงานประเทศชาติก็เดินหน้าไปได้ หากมัวแต่แบ่งฝ่ายหรือทะเลาะกันประชาชนจะอยู่อย่างไรหมดเวลาทะเลาะกันแล้ว

 

ส่วนเรื่องโพลต่างๆ ยืนยันว่า ตนไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะหลายโพลก็ไม่ได้มีชื่อพลเอกประวิตร ในส่วนของพรรคประชารัฐมีการทำโพลอยู่ ก็มีคะแนนพอสมควรแต่ก็ไม่ถือว่าเป็นอันดับต้นๆ พลเอกประวิตร ต้องใช้เวลาในการหาเสียงอยู่ แต่ก็มีคะแนนนิยมพอสมควร และถึงไม่เป็นนายกในโพล ก็เป็นนายกในใจของประชาชนทุกคนอยู่แล้ว คงไม่ต้องปรับกลยุทธ์อะไรเราก็ทำของเราให้ดีที่สุด

นายชัยวุฒิกล่าว

เมื่อวันที่ 26 มีนาคม ที่ลานตลาดนัดวันอาทิตย์ อ.เมือง จ.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้กล่าวปราศรัยบนเวทีของพรรค พปชร.ว่า บางคน บางพรรคยังพูดถึงโครงการเก่าในอดีต

 

โดยไม่ดูบริบทการเมือง เปลี่ยนแปลงไปหมดแล้ว ผมลงพื้นที่สงสารพี่น้องประชาชน บางพรรคยังพูดถึงกองทุนหมู่บ้านนโยบายเมื่อ 20 ปีที่แล้วซึ่งที่ตนเองได้ลงพื้นที่นั้น ประชาชนได้รับความเดือดร้อนกันมากจากกองทุนหมู่บ้าน พรรค พปชร.จะยกเลิกกองทุนหมู่บ้าน ประชาชนจะได้ไม่ต้องเป็นหนี้

 

นายชัยวุฒิกล่าวต่อว่า เพราะเป็นกองทุนที่สร้างหนี้ให้กับประชาชน จะได้ไม่ต้องสร้างหนี้ให้กับประชาชน เราต้องมองอนาคต ต้องมองนโยบายของพรรคการเมืองที่ทำให้ประชาชนได้ประโยชน์ พร้อมมองว่ามีบางพรรคการเมืองได้คิดนโยบายที่ไกลเกินไป การเลือกตั้งนั้นให้มาเปลี่ยนรัฐบาล แต่อยากเปลี่ยนประเทศไทย คุณทำได้ไหม

 

“ถ้าคนเราเห็นว่าโลกที่เราอยู่มันไม่ดีและมีปัญหาแล้วอยากเปลี่ยนโลกนั้น มีแต่คนบ้าเท่านั้นเพราะโลกเปลี่ยนไม่ได้ แต่ทำให้โลกนี้ดีได้ โดยการตั้งใจทำความดี ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง แต่บางพรรคคิดไกลกว่านั้น ไกลแบบที่รู้ว่าคิดอะไร ไม่อยากเปลี่ยนรัฐบาล อยากเปลี่ยนอะไรวะ แล้วเรายอมให้มันเปลี่ยนไหม เขาปลุกระดม ให้ข้อมูลผิดๆ ทำให้คนแตกแยก ทะเลาะกัน ซึ่งนี่คือนโยบายสำคัญของพรรคพลังประชารัฐที่จะมาก้าวข้ามความขัดแย้ง” นายชัยวุฒิกล่าว

 

นายชัยวุฒิกล่าวด้วยว่า วันนี้ติดตามจากสื่อเห็นว่าโพลต่างๆ ไม่มีชื่อของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่รู้ว่าลืมใส่ หรือลุงป้อมไม่ได้จ่ายเงิน การเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งของพวกเรา

 

เพราะเรามีนโยบาย มีความตั้งใจที่จะทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน และเขาก็จะผลักดันให้ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อนำนโยบายต่างๆ มาทำประโยชน์ให้กับประชาชน ไม่มีการสืบทอดอำนาจ ไม่มีการเอาเปรียบใคร ทุกอย่างเป็นไปตามประชาธิปไตย

 

พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จัดเวทีปราศรัยใหญ่ที่จังหวัดกำแพงเพชร

วันที่ 26 มี.ค. 2566 - พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จัดเวทีปราศรัยใหญ่ที่จังหวัดกำแพงเพชร ที่ลานตลาดนัดวันอาทิตย์ อ.เมือง นําโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และนายวราเทพ รัตนากร กรรมการฝ่ายนโยบาย

 

โดยมีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร จ.กำแพงเพชร ทั้ง 4 เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน ประกอบไปด้วย นายสุรสิทธิ์ วงศ์วิทยานันท์ นายไผ่ ลิกค์ เขต 1,นายเพชรภูมิ อาภรณ์รัตน์ เขต 2 นายอนันต์ อำนวยผล เขต 3 นายปริญญา ฤกษ์หร่าย เขต 4

 

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า ฝากไปบอกพรรคอื่นด้วยว่า อย่าคิดมาตีจังหวัดกำแพงเพชร มันเป็นไปไม่ได้ เพราะเราจะสร้างป้อมหน้ากำแพงเพชร ใครเข้ามาเรามีป้อม เราจะกันให้หมด ซึ่งพรรคหัวหน้าพรรคเราชื่อ ลุงป้อม เอาสิ เราจะตั้งป้อมหน้ากำแพงเพชร ไม่ให้ใครมาตีกำแพงเพชรให้ได้ นโยบายสำคัญของเราคือการก้าวข้ามความขัดแย้ง ไม่เอาแล้วสีเหลืองสีแดง สีน้ำเงิน ประเทศไทยต้องเป็นหนึ่งเดียว เรามีธงชาติธงเดียวสามสี แดงขาวน้ำเงิน สามเสาหลักต้องอยู่คู่บ้านคู่เมือง ดังนั้นเราจะก้าวข้ามความขัดแย้งนำประเทศไทยไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่งอย่างยังยืน

 

“พรรคอื่นอย่าคิดเข้ามาตีกำแพงเพชร เพราะจังหวัดนี้เป็นของพรรคพลังประชารัฐ”

 

จากนั้น เวลา 17:57 น. พล.อ.ประวิตร ได้เดินทางมาถึงบริเวณเวทีปราศรัย ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีกระแสข่าวว่าป่วยต้องให้หมอเข้าไปรักษา ในบ้านป่ารอยต่อว่า ไม่ได้ป่วย ยังแข็งแรงดี พร้อมย้อนถามผู้สื่อข่าวว่าใครเป็นคนบอก จากนั้นได้เดินทักทายประชาชน พร้อมขึ้นรถยกไฮดรอลิก เมื่อถามว่า หวาดเสียว หรือไม่ พล.อ.ประวิตรระบุว่าไม่เสียวโดดลง ยังได้

 

พล.อ.ประวิตร ได้ขึ้นเวทีปราศรัยกล่าวกับประชาชนว่า ตนรู้สึกอบอุ่นเป็นอย่างมากที่ได้มาอยู่ท่ามกลางชาวจังหวัดกำแพงเพชร เราจะทำทุกอย่างเพื่อจะก้าวข้ามยากจน พวกเราพร้อมแล้วที่จะมาทำงานให้กับชาวกำแพงเพชร เราจะร่วมมือกันที่จะพัฒนาจังหวัดกำแพงเพชรให้เจริญอย่างยั่งยืน พรรคพลังประชารัฐได้คัดสรรคนดี คนเก่งที่จะมาเป็นตัวแทนของประชาชน ขอให้เลือกผู้สมัครของเราทั้ง 4 คนด้วย

 

“ขอโอกาสจากทุกคน เราจะนำความรัก ความสามัคคีมาสู่ประเทศชาติหมดเวลาแล้วที่คนไทยจะมาทะเลาะกันเอง ต้องจับมือกัน นำประเทศไปสู่ก้าวหน้า เพื่อความสงบของคนไทยทุกคน ฝากกับทุกคนว่า ถ้าอยากให้ประเทศมีความรัก สงบสุข สันติภาพเกิดขึ้น และมีความเป็นหนึ่งเดียวต้องเลือกพรรคพลังประขารัฐเท่านั้น ผมพูดไม่เก่ง แต่ทำงานประสานเพื่อประโยชน์ของประชาชนได้ และนำพาคนเก่ง ๆ มาทำงานให้กับประชาชนได้”

 

จากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้ลงเวทีทางบันได เมื่อถามว่า ได้เห็นผลสำรวจของนิด้าโพล ถึงคนกรุงเทพฯ ที่ ไม่ปรากฏชื่อตนอยู่ในลิสต์ 10 อันดับแรกว่าอย่างไร พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เขาเอาชื่อออก ๆ และให้ไปถามคนจัดโพลเอง และยืนยันไม่สูญเสียความมั่นใจ และไม่ต้องปรับยุทธศาสตร์อะไร พร้อมยืนยันว่ากระแสนิยมของตนนั้นดีขึ้นตลอด ส่วนผลโพล เชื่อได้หรือไม่นั้น พล.อ.ประวิตรระบุว่า ก็ว่ากันไปเรื่องของโพลก็คือเรื่องของโพล และมั่นใจในกระแสของตัวเองและประชาชน

 

ส่วนพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 หรือไม่นั้นให้เป็นเรื่องของประชาชนเลือก หากประชาชนเลือกก็พร้อม ก่อนที่จะย้อนสื่อมวลชนว่าคุณเลือกหรือไม่ ส่วนกระแสข่าวที่มีรายชื่อ 100 อันดับแรกปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคพลังประชารัฐหลุดออกมาแล้ว พล.อ.ประวิตร บอกว่าไม่รู้ ส่วนจะมีการปรับอีกหรือไม่ พล.อ.ประวิตรระบุจะปรับได้อย่างไรเขาทำไพรมารีโหวตกันแล้ว

 

เมื่อถามว่าได้มีการพูดคุยกับนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ที่พึ่ง สละสิทธิ์ในลำดับปาร์ตี้ลิสต์หรือยัง พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ให้คุยเรื่องอะไร เขาสมัครใจออกเอง เค้าไม่น้อยใจหรอก เมื่อถามว่าอาจารย์แหม่มงอนหรือไม่ พล.อ.ประวิตร หันหน้ามาหาผู้สื่อข่าว และระบุว่า ไม่งอนไม่งอน

 

เมื่อถามว่าจากรายชื่อที่ พล.อ.ประวิตรเป็นอันดับหนึ่งของบัญชีรายชื่อนั้นพร้อมที่จะทำงานในสภาแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า "ไม่รู้"

 

สำหรับบริเวณหลังเวทีการปราศรัย นายไผ่ ลิกค์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กำแพงเพชรเขต 1 และ ร.อ.ธรรมนัส ได้ทดลองขึ้นลิฟท์เคลื่อนที่ รถยกไฮดรอลิก เพื่อนำพลเอกประวิตรขึ้นเวที พร้อมการันตีว่ามีความแข็งแรง

 

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ลงพื้นที่อำเภอเมืองจังหวัดตาก

เช้าวันนี้ (26 มี.ค. 2566) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ลงพื้นที่อำเภอเมืองจังหวัดตาก ช่วย ผู้สมัคร เขต 1 นาย ประสงค์ นามเสถียร ผู้สมัคร สส.เขต1 พรรคพลังประชารัฐ ปราศรัยหาเสียง เเห่ไปรอบเมือง พร้อมกับพบปะ พี่น้องประชาชน ที่มาจับจ่ายซื้อของที่บริเวณ ตลาดวังหิน เทศบาลเมืองตาก เเละเปิด เวที รับฟัง ความเห็นจากประชาชน บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก

 

โดย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค พลังประชารัฐ เผยว่า “วันนี้พรรคพลังประชารัฐ พร้อมที่จะ ปักธง จังหวัดตาก ทั้ง 3 เขต ยกจังหวัด พื้นที่ตาก เป็นพื้นที่ เดิมที่ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า ดูแลอยู่ ซึ่ง ลุงป้อม พลเอกประวิตร ได้มอบหมายพื้นที่ภาคเหนือให้ท่านธรรมนัสเป็นคนดูแล ซึ่งวันนี้จังหวัดตาก ท่านธรรมนัสก็จะเข้ามาช่วยประสานงานเข้ามาดูแลด้วยเพราะว่าก็มีความคุ้นเคยกับ พื้นที่เป็นอย่างดี โดยเฉพาะคนที่ถูกขับออกจากพรรคไป ท่านธรรมนัสก็รู้จักเป็นอย่างดีก็จะลงมา แก้ปัญหาในพื้นที่นี้เพื่อเอา เก้าอี้ส.ส.กลับมาที่พรรคพลังประชารัฐเหมือนเดิม วันนี้ ผมเเละพี่ธรรมนัส พรรคพลังประชารัฐ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ตั้งมั่นที่จะสู้พื้นที่ จังหวัดตาก เพื่อให้ได้ ส.ส. ครบทุกเขต โดยรอบที่แล้วมี 3 เขต พลังประชารัฐได้ 2 เขต

 

นายชัยวุฒิยังได้กล่าวอีกว่า “เราเชื่อมั่นว่า จะทําให้ได้ทั้งจังหวัด ก็ขอการสนับสนุนจากพี่น้องประชาชนทุกคนด้วยโดยเฉพาะลุงป้อม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ท่านก็มีความผูกพันกับชาวจังหวัดตากมาทํางานที่นี่ในพื้นที่โดยตลอดทั้งเรื่องการพัฒนาแหล่งน้ำ การส่งเสริม อาชีพต่าง ๆ ของพี่น้องเกษตรกร และทุกกลุ่ม รวมถึงเรื่องที่ดินทํากิน เป็นเรื่องใหญ่ซึ่งเป็นปัญหาสําคัญของชาวจังหวัดตาก เราก็มีโครงการ ธนาคารที่ดิน มาแก้ปัญหาที่ดินให้พี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง ถ้าเราได้ ส.ส.ทั้งสามคน ในจังหวัดตากก็จะมาช่วยกันผลักดันโครงการต่าง ๆ แก้ปัญหาชาวจังหวัดตากให้สําเร็จให้ได้”

 

ทั้งยังมีการเน้นย้ำในเรื่องของผู้สมัคร ส.ส. ซึ่งนายชัยวุฒิได้เล่าว่า “เฉพาะ นายประสงค์ เขตหนึ่ง ก็เป็นความหวังของเราเพราะว่าพื้นที่นี้เราก็เป็น ส.ส. เดิมก็เป็นพรรคพลังประชารัฐแต่เราเปลี่ยนผู้สมัครจะให้นายประสงค์ ลงในนามพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเชื่อว่าจะประสบความสําเร็จแน่นอน ส.ส.เขต 1 เดิม ก็เป็นพรรคพลังประชารัฐ แต่เนื่องจากถูกขับออกจากพรรคไป พอตอนนี้ก็ไปอยู่พรรคภูมิใจไทย เราก็มีผู้สมัครคนใหม่คือนายประสงค์ ซึ่งเป็นคนที่พี่น้องประชาชนก็รู้จักคุ้นเคยดี ถ้าจะประสานงานกับผู้นําท้องถิ่น ผู้นําชุมชน ลงพื้นที่เข้าหาพี่น้องประชาชนทุกบ้าน เพื่อทําความเข้าใจแนะนําตัว และผมเชื่อว่าวันนี้กระแสคนก็อยากเปลี่ยนส.ส.อยากได้คนใหม่เข้ามาทํางาน เพื่อจะได้ประสานงาน ดูแลพี่น้องประชาชนให้ดียิ่งขึ้น”

 

ด้านนายประสงค์ นามเสถียร ผู้สมัคร สส.เขต1 จังหวัดตาก พรรคพลังประชารัฐ ระบุว่า วันนี้พรรคพลังประชารัฐ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากพี่น้องประชาชน ชาวจังหวัดตาก เพราะพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค มีโครงการที่ทำเเล้วประชาชนชื่นชอบคือ เรื่องน้ำ “มีเราไม่มีเเล้ง” เรื่องที่ดินทำกิน บัตรประชารัฐ สวัสดิการสตรีมีครรภ์ ที่สำคัญ หัวหน้าพรรค พลเอกประวิตร ท่านเป็นทหาร ที่ชาวตากรัก สมัยท่านเป็นผู้บังคับบัญชาทหารบก ก็ดูเเลพื้นที่เเนวชายแดน จ.ตาก ให้ความสำคัญเรื่องปัญหา ยาเสพติด ผมเชื่อมั่นว่าด้วยพรรคเเละหัวหน้าพรรค พร้อมนโยบายที่ดี จะทำให้ผมมีโอกาส ที่จะได้รับการเลือกตั้งในเขตนี้ เพราะผมพร้อมที่จะสนับสนุนเเละประสานงานกับองค์กรท้องถิ่นเเละผู้นำท้องถิ่นทุกคนครับ ที่สำคัญผมมีความตั้งใจที่จะมาพัฒนาบ้านเกิดเมืองของพระเจ้าตากอย่างเเท้จริงครับ

ชัยวุฒิ จับมือ ธรรมนัส ลุยลงพื้นที่หาเสียงเมืองตาก

เช้าวันนี้ (26 มี.ค. 2566) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ลงพื้นที่อำเภอเมืองจังหวัดตาก ช่วย ผู้สมัคร เขต 1 นาย ประสงค์ นามเสถียร ผู้สมัคร สส.เขต1 พรรคพลังประชารัฐ ปราศรัยหาเสียง เเห่ไปรอบเมือง พร้อมกับพบปะ พี่น้องประชาชน ที่มาจับจ่ายซื้อของที่บริเวณ ตลาดวังหิน เทศบาลเมืองตาก เเละเปิด เวที รับฟัง ความเห็นจากประชาชน บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก

 

โดย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค พลังประชารัฐ เผยว่า “วันนี้พรรคพลังประชารัฐ พร้อมที่จะ ปักธง จังหวัดตาก ทั้ง 3 เขต ยกจังหวัด พื้นที่ตาก เป็นพื้นที่ เดิมที่ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า ดูแลอยู่ ซึ่ง ลุงป้อม พลเอกประวิตร ได้มอบหมายพื้นที่ภาคเหนือให้ท่านธรรมนัสเป็นคนดูแล ซึ่งวันนี้จังหวัดตาก ท่านธรรมนัสก็จะเข้ามาช่วยประสานงานเข้ามาดูแลด้วยเพราะว่าก็มีความคุ้นเคยกับ พื้นที่เป็นอย่างดี โดยเฉพาะคนที่ถูกขับออกจากพรรคไป ท่านธรรมนัสก็รู้จักเป็นอย่างดีก็จะลงมา แก้ปัญหาในพื้นที่นี้เพื่อเอา เก้าอี้ส.ส.กลับมาที่พรรคพลังประชารัฐเหมือนเดิม วันนี้ ผมเเละพี่ธรรมนัส พรรคพลังประชารัฐ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ตั้งมั่นที่จะสู้พื้นที่ จังหวัดตาก เพื่อให้ได้ ส.ส. ครบทุกเขต โดยรอบที่แล้วมี 3 เขต พลังประชารัฐได้ 2 เขต

 

นายชัยวุฒิยังได้กล่าวอีกว่า “เราเชื่อมั่นว่า จะทําให้ได้ทั้งจังหวัด ก็ขอการสนับสนุนจากพี่น้องประชาชนทุกคนด้วยโดยเฉพาะลุงป้อม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ท่านก็มีความผูกพันกับชาวจังหวัดตากมาทํางานที่นี่ในพื้นที่โดยตลอดทั้งเรื่องการพัฒนาแหล่งน้ำ การส่งเสริม อาชีพต่าง ๆ ของพี่น้องเกษตรกร และทุกกลุ่ม รวมถึงเรื่องที่ดินทํากิน เป็นเรื่องใหญ่ซึ่งเป็นปัญหาสําคัญของชาวจังหวัดตาก เราก็มีโครงการ ธนาคารที่ดิน มาแก้ปัญหาที่ดินให้พี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง ถ้าเราได้ ส.ส.ทั้งสามคน ในจังหวัดตากก็จะมาช่วยกันผลักดันโครงการต่าง ๆ แก้ปัญหาชาวจังหวัดตากให้สําเร็จให้ได้”

 

ทั้งยังมีการเน้นย้ำในเรื่องของผู้สมัคร ส.ส. ซึ่งนายชัยวุฒิได้เล่าว่า “เฉพาะ นายประสงค์ เขตหนึ่ง ก็เป็นความหวังของเราเพราะว่าพื้นที่นี้เราก็เป็น ส.ส. เดิมก็เป็นพรรคพลังประชารัฐแต่เราเปลี่ยนผู้สมัครจะให้นายประสงค์ ลงในนามพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเชื่อว่าจะประสบความสําเร็จแน่นอน ส.ส.เขต 1 เดิม ก็เป็นพรรคพลังประชารัฐ แต่เนื่องจากถูกขับออกจากพรรคไป พอตอนนี้ก็ไปอยู่พรรคภูมิใจไทย เราก็มีผู้สมัครคนใหม่คือนายประสงค์ ซึ่งเป็นคนที่พี่น้องประชาชนก็รู้จักคุ้นเคยดี ถ้าจะประสานงานกับผู้นําท้องถิ่น ผู้นําชุมชน ลงพื้นที่เข้าหาพี่น้องประชาชนทุกบ้าน เพื่อทําความเข้าใจแนะนําตัว และผมเชื่อว่าวันนี้กระแสคนก็อยากเปลี่ยนส.ส.อยากได้คนใหม่เข้ามาทํางาน เพื่อจะได้ประสานงาน ดูแลพี่น้องประชาชนให้ดียิ่งขึ้น”

 

ด้านนายประสงค์ นามเสถียร ผู้สมัคร สส.เขต1 จังหวัดตาก พรรคพลังประชารัฐ ระบุว่า วันนี้พรรคพลังประชารัฐ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากพี่น้องประชาชน ชาวจังหวัดตาก เพราะพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค มีโครงการที่ทำเเล้วประชาชนชื่นชอบคือ เรื่องน้ำ “มีเราไม่มีเเล้ง” เรื่องที่ดินทำกิน บัตรประชารัฐ สวัสดิการสตรีมีครรภ์ ที่สำคัญ หัวหน้าพรรค พลเอกประวิตร ท่านเป็นทหาร ที่ชาวตากรัก สมัยท่านเป็นผู้บังคับบัญชาทหารบก ก็ดูเเลพื้นที่เเนวชายแดน จ.ตาก ให้ความสำคัญเรื่องปัญหา ยาเสพติด ผมเชื่อมั่นว่าด้วยพรรคเเละหัวหน้าพรรค พร้อมนโยบายที่ดี จะทำให้ผมมีโอกาส ที่จะได้รับการเลือกตั้งในเขตนี้ เพราะผมพร้อมที่จะสนับสนุนเเละประสานงานกับองค์กรท้องถิ่นเเละผู้นำท้องถิ่นทุกคนครับ ที่สำคัญผมมีความตั้งใจที่จะมาพัฒนาบ้านเกิดเมืองของพระเจ้าตากอย่างเเท้จริงครับ

เผาอีกแล้ว !!! เฮลิคอปเตอร์ บินตรวจพบไฟกำลังลามป่า

ภายหลังจากที่ทาง นายนฤพนธ์ ทิพย์มณฑา ผู้อำนวยการสำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า ร่วมกับ นายภูษิต หิรัญพฤกษ์ ผู้อำนายการส่วนอำนวยการ สำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า พร้อมด้วย นายสุรเชษฐ์ พุ้ยน้อย นายอำเภอแม่สะเรียง นายพรเทพ เจริญสืบสกุล ผู้อำนวยการสำนักบริหาร พื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 สาขาแม่สะเรียง หน่วยงานในสังกัด และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ออกตรวจติดตามการดำเนินงาน บินตรวจสถานการณ์ไฟป่าทางเฮลิคอปเตอร์ ทส.1110

 

เพื่อวางแผนการป้องกันไฟป่าบริเวณพื้นที่ป่าอุทยานแห่งชาติสาละวิน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสาละวิน อุทยานแม่สะเรียง (เตรียมการ) เพื่อยกระดับการควบคุมสกัดกั้นไฟป่าเพื่อลดจุดความร้อนโดยเพิ่มชุดปฏิบัติการมวลชนสัมพันธ์เข้าถึงประชาชนในพื้นที่เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาไฟป่าเร่งด่วน

 

จากการบินตรวจสภาพป่า ตรวจพบกลุ่มควันไฟป่าตามเส้นทางการบิน ซึ่งมีทั้งการจุดเผาในป่าและจุดเผาในพื้นที่เกษตรลุกลามเข้าป่า ทั้งนี้ ผอ.สำนักป้องกันฯ ได้ร่วมประชุมมอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่วางแผนในการจัดกำลังพลเสือไฟให้ครอบคลุมพื้นที่เสี่ยงการเกิดไฟเพื่อเข้าสกัดไฟที่เกิดขึ้นไม่ให้ลุกลามได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงขอความร่วมมือจากหน่วยงานฝ่ายปกครองขอประชาสัมพันธ์ชุมชนงดการจุดเผาในพื้นที่เกษตร สรุปสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ประจำวันที่ 24 มีนาคม 2566 พบ จุดความร้อน จำนวน 460 จุด จุดความร้อนสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 - 23 มีนาคม 2566 จำนวน 4,077 จุด สูงสุดที่อำเภอแม่สะเรียง จำนวน 1,451 จุด โดยเกิดขึ้นสูงสุดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ จำนวน 2,446 จุด

 

ที่มา : สุกัลยา / ถาวร อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

 

เร่งเชื่อมโยง ฐานข้อมูลสวัสดิการ เพื่อช่วยเหลือประชาชน ทุกกลุ่มเป้าหมาย

เมื่อ 24 มี.ค. 66 เวลา 10.00 น. พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รอง นรม. เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการบูรณาการเชื่อมโยงฐานข้อมูล ด้านสวัสดิการของรัฐ ครั้งที่ 1/2566 ณ ห้องประชุมมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

 

ที่ประชุมได้รับทราบ การดำเนินการออกแบบ การเชื่อมโยงฐานข้อมูลด้านสวัสดิการของรัฐ และการดำเนินการเชื่อมโยงฐานข้อมูล ผ่านหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน รวมถึงข้อมูลบุคคลด้านอื่น ๆ เช่น หมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่อาศัย เป็นต้น และได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยมีการจัดทำ API เพื่อใช้ค้นหาข้อมูลสวัสดิการที่ได้มีการเชื่อมโยง และรวบรวมข้อมูลแล้ว สามารถค้นหาด้วยหมายเลขบัตรประชาชน และจัดทำ Dashboard เพื่อแสดงผลการวิเคราะห์ข้อมูล และแสดงความซ้ำซ้อนของสวัสดิการ และได้ทำการเชื่อมโยงฯ แล้วจำนวน 13 สวัสดิการ มีประชากรได้รับสิทธิ ถึง 19,348,391 ราย (27,923,508 สิทธิ) อาทิ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กองทุนคุ้มครองเด็ก เบี้ยความพิการ และเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เป็นต้น

 

จากนั้น คณะกรรมการฯ ได้ร่วมกันพิจารณาเห็นชอบการดำเนินการเชื่อมโยงฐานข้อมูลด้านสวัสดิการของรัฐในระยะต่อไป จำนวน 22 สวัสดิการ (เดิม 13 สวัสดิการ) และเห็นชอบการบริหารจัดการฐานข้อมูลด้านสวัสดิการของรัฐ โดยมีหน่วยงานหลักที่สำคัญ ได้แก่ ก. ดีอีเอส , สถาบันส่งเสริมการวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน)

 

พล.อ.ประวิตร ได้กำชับ ก. ดีอีเอส, กค., มท.และ พม.ให้เร่งรัดการดำเนินงานตามมติคณะกรรมการฯ เพื่อให้ฐานข้อมูลสวัสดิการของรัฐ เป็นระบบเดียวกัน ครอบคลุมประชากรที่จะได้รับการช่วยเหลือทุกกลุ่มเป้าหมาย และตอบสนองความต้องการ การให้บริการประชาชนได้ อย่างสะดวกรวดเร็ว เข้าถึงได้ง่าย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากความยากจน และลดความเหลื่อมล้ำในสังคมได้ ตามนโยบายของรัฐบาลและยุทธศาสตร์ด้านการสร้างโอกาส และความเสมอภาค

Digital Tourism Business Matching ครั้งที่ 1

ดีป้า ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ นำร่องจัดกิจกรรม Digital Tourism Business Matching ครั้งที่ 1 กระตุ้นผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยประยุกต์ใช้แพลตฟอร์ม ThailandCONNEX และเทคโนโลยีดิจิทัล พร้อมเปิดโอกาสพูดคุย ขอคำปรึกษา และเจรจาทางธุรกิจกับเครือข่าย ดิจิทัลสตาร์ทอัพ เพื่อร่วมพลิกโฉมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยในยุคดิจิทัล

 

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม Digital Tourism Business Matching ครั้งที่ 1 โดยมี นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า พร้อมด้วย นายณัฐเศรษฐ วงศ์วัฒนากานต์ ซีอีโอ ทราวิซโก เทคโนโลยี รวมถึงผู้ประกอบการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่และพื้นที่ภาคเหนือ อีกทั้งผู้สนใจร่วมในพิธีโดยพร้อมเพรียง

 

นายชัยวุฒิ เปิดเผยว่า ปัจจุบันนักท่องเที่ยวที่ใช้บริการ Online Travel Agents (OTAs) มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยจุดเด่นด้านความสะดวกในการบริหารเวลา เปรียบเทียบราคา และจัดสรรงบประมาณเพื่อการจับจ่าย โดย OTAs ที่ได้รับความนิยมส่วนใหญ่เป็นของผู้ประกอบการต่างชาติ ดังนั้น กระทรวงดิจิทัลฯ โดย ดีป้า

 

จึงได้ร่วมกับ ทราวิซโก เทคโนโลยี ดำเนินโครงการ ‘เปิดเมือง เปิดท่องเที่ยวไทยด้วยดิจิทัล’ พร้อมพัฒนา ThailandCONNEX แพลตฟอร์มกลางด้านการท่องเที่ยวของไทยที่นำเทคโนโลยี Data Bank & Token เข้ามาช่วยบริหารจัดการข้อมูลด้านการท่องเที่ยว มีคลังข้อมูลที่สามารถออกแบบการท่องเที่ยวให้เหมาะสมกับนักท่องเที่ยวแต่ละกลุ่มได้อย่างเหมาะสม

 

ผศ.ดร.ณัฐพล กล่าวว่า กิจกรรม Digital Tourism Business Matching ครั้งที่ 1 พื้นที่ภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ ที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือของ กระทรวงดิจิทัลฯ โดย ดีป้า และ ทราวิสโก เทคโนโลยี รวมถึงดิจิทัลสตาร์ทอัพ และเครือข่ายพันธมิตร ประกอบด้วยเวทีเสวนาวิเคราะห์เจาะลึกและเวิร์กชอปสุดเข้มข้นเพื่ออัปสกิล ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยตลอดระยะเวลา 2 วันของการจัดกิจกรรม

 

อาทิ ThailandCONNEX โอกาสที่มากขึ้นในต้นทุนที่ต่ำกว่า ผู้ประกอบการท่องเที่ยวกับมิติของการเป็น Content Creator/Influencer การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีกับธุรกิจท่องเที่ยว จัดรูปแบบท่องเที่ยวแบบไหนที่ผู้ประกอบการไทยจะได้ประโยชน์ การท่องเที่ยวชุมชนกับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสร้างความแตกต่างที่ยั่งยืน สร้างโอกาสธุรกิจ ฝ่าวิกฤติด้วยแหล่งเงินทุน ฯลฯ พร้อมกันนี้ยังมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์จากดิจิทัลสตาร์ทอัพ การพูดคุย ปรึกษา และเจรจาทางธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวกับดิจิทัลสตาร์ทอัพ

 

“ดีป้า มีแผนจัดกิจกรรม Digital Tourism Business Matching เพื่อสร้างความตระหนักและกระตุ้นให้เกิดการประยุกต์ใช้แพลตฟอร์มดิจิทัล ThailandCONNEX รวมถึงเทคโนโลยีจากเครือข่ายดิจิทัลสตาร์ทอัพและผู้ให้บริการดิจิทัล (Digital Provider) แก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวทั่วประเทศรวมกว่า 5,600 ราย ใน 5 เมืองท่องเที่ยวสำคัญ 5 ภูมิภาค ประกอบด้วย เชียงใหม่ ประจวบคีรีขันธ์ นครราชสีมา ชลบุรี และ ภูเก็ต ระหว่างเดือนมีนาคม - กรกฎาคม พร้อมนำดิจิทัลสตาร์ทอัพร่วมพบปะผู้ประกอบการท่องเที่ยว

 

โดยประเมินว่า กิจกรรมดังกล่าวจะก่อให้เกิดการเจรจาจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) มากกว่า 500 ราย ซึ่งขณะนี้มีดิจิทัลสตาร์ทอัพ รวมถึงผู้ให้บริการดิจิทัลตอบรับเข้าร่วมในแพลตฟอร์ม ThailandCONNEX แล้ว 53 ราย และพร้อมที่จะเดินทางพบปะ พูดคุย ให้คำปรึกษา และเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวทั่วประเทศ เพื่อสร้างความตระหนักและกระตุ้นให้เกิดการใช้ ThailandCONNEX รวมถึงเทคโนโลยีดิจิทัลตอบโจทย์ธุรกิจ เป็นคู่คิดที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพด้านการตลาดให้กับผู้ประกอบการ และพร้อมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยสู่ความยั่งยืนในอนาคต” ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าว

 

ด้าน นายณัฐเศรษฐ กล่าวว่า ThailandCONNEX ได้รับการออกแบบให้มีการจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ภายใต้มาตรฐานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) และมีการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ประมวลผลเพื่อค้นหาเทรนด์ความชอบและความต้องการของนักท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการในด้านการออกแบบ ปรับปรุงสินค้าและบริการ

 

และต่อหน่วยงานภาครัฐในการกำหนดนโยบายและแนวทางการส่งเสริมที่มีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการยกระดับผู้ประกอบการท่องเที่ยวด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล โดย ทราวิซโก เทคโนโลยี และ ดีป้า รวมถึงหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องจะจัดกิจกรรมทั่วประเทศ เพื่อสร้างการรับรู้ควบคู่ไปกับการหาสินค้าและบริการเข้าสู่แพลตฟอร์ม ThailandCONNEX ตลอดจนประสานความร่วมมือกับพันธมิตรต่างชาติในการเพิ่มโอกาสทางการตลาดให้กับผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทย

 


TRENDING
© Copyright 2022, All rights reserved. North Time Thailand
Take Me Top