เครือข่ายกระเหรี่ยงเชียงใหม่ ยื่นหนังสือถึง ผอ.วิทยาลัยโปลิเทคนิคล้านนา ทำกิจกรรมกีฬาสี สวมชุดกระเหรี่ยงถือปืน ถือบ้องกัญชาไม่เหมาะสม

วันที่ 28 ธ.ค.2565 เวลา 09.30 น. ผช.ศ.ดร.สุวิชาน พัฒนาไพรวัลย์ เลขาธิการเครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม แห่งประเทศไทย ตั้งอยู่เลขที่ 252 หมู่ที่ 2 ตำบลสันทรายน้อย อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ พร้อม นายไวยิ่ง ทองบือ ที่ปรึกษาเครือข่ายกระเหรี่ยงฯ พร้อมชาวกระเหรี่ยงในเชียงใหม่ และ 15 จังหวัดในประเทศไทย รวมตัวกันที่วิทยาลัยโปลิเทคนิคล้านนา จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อยื่นหนังสือแสดงออกถึงความไม่พอใจที่วิทยาลัยฯ ให้นักศึกษาสวมชุดกระเหรี่ยง แล้วถืออาวุธปืนเดินในขบวนกีฬาสี

หนังสือดังกล่าว ลงวันที่ 28 ธันวาคม 2565 เรื่อง ขอให้ชี้แจงและลบภาพอันไม่เหมาะสมของวัฒนธรรมกะเหรี่ยง ในขบวนกีฬาสี วิทยาลัยโปลิเทคนิคลานนาเชียงใหม่

หนังสือ ระบุว่า เรียน ผู้อำนวยการวิทยาลัยโปลิเทคนิคลานนา จ.เชียงใหม่ จากการที่นักศึกษาสาขาวิชาการท่องเที่ยวและโรงแรม ของวิทยาลัยฯ ได้จัดกิจกรรมเดินขบวนส่งเสริการท่องเที่ยว ภายใต้แนวคิดต่อต้านยาเสพติด โดยการนำเสนอภายใต้ชื่อว่า Karen ตามรูปภาพและข้อความที่ปรากฎบนเพจ "การท่องเที่ยว&การโรงแรม วิทยาลัยโปลิเทคนิคลานนา เชียงใหม่" ดังนี้

เพราะเราคือ การท่องเที่ยวและโรงแรม ที่ 1 ในใจคุณ เป็นแชมป์อาจจะอยู่ได้ไม่นาน แต่ถ้าเป็นตำนานจะคงอยู่ตลอดไป Concept ขบวนสีชมพูปีนี้ในชื่อว่า “KAREN” ที่ 1 ขบวนพาเหรด ปี พ.ศ.2565 ภายใต้แนวคิดต่อต้านยาเสพติด “KAREN” หรือ “ปกาเกอะญอ” ซึ่งแปลว่า “คน” เป็นชนเผ่าที่มีจำนวนมากที่สุดในประเทศไทย และมีความเชื่อในเรื่องพิธีกรรม แต่เดิมชาวกะเหรี่ยงนับถือผีมีการบวงสรวงและเช่นสังเวยอย่างเคร่งครัด การทำกิจกรรมต่าง ๆ จะต้องมีการเซ่นไหว้เจ้าที่ เจ้าทาง และบอกกล่าวบรรพชน ให้อุดหนุนค้ำจุน ช่วยให้กิจการงานนั้น ๆ เจริญก้าวหน้า ทำเกษตรกรรมได้ผลผลิตดี ให้อยู่เย็นเป็นสุข ปกป้องคุ้มครองดูแล และยังเป็นการขอขมาอีกด้วย และทางเพจปรากฎข้อความขอขอบพระคุณหน่วยงานเอกชน ซึ่งดำเนินกิจกรรมด้านการท่องเที่ยว ที่ให้การสนับสนุนแนวคิดอีกกว่า 10 กลุ่มด้วยกัน

ก่อนอื่น ทางเครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีสมาชิกเครือข่ายชุมชนจาก 15 จังหวัดในประเทศไทย ขอขอบคุณที่นักศึกษาสาขาวิชาการท่องเที่ยวและโรงแรม วิทยาลัยโปลิเทคนิคลานนาเชียงใหม่ ให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมของชนเผ่าปกาเกอะญอ โดยการนำเสนอภาพการแต่งกายตามวัฒนธรรมปกาเกอะญอในขบวนพาเหรด และสื่อสารเผยแพร่สู่สาธารณะในเพจของวิทยาลัยฯ ทำให้สาธารณะได้เห็นคุณค่า ความงามของการแต่งกายที่หลากหลาย

แต่หลังจากที่มีการเผยแพร่ภาพดังกล่าว ออกมาผ่านสื่อโซเชียล (เฟซบุ๊ก) ทำให้สมาชิกชุมชนปกาเกอะญอในประเทศไทยจำนวนมาก รู้สึกไม่สบายกับภาพหลายภาพที่ถูกนำเสนอในขบวนพาเหรด เกิดการวิพากวิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม และมีข้อแสดงข้อห่วงใยที่อาจถูกสื่อสาร ทำให้เกิดความหมายในทางเชิงลบได้ เช่น ภาพผู้หญิงเดินถือปืน ภาพผู้ชายถือมีดเชือดคอไก่ ภาพผู้หญิงเดินถือบ้องกัญชา ภาพผู้ชายเดินถือมวนยาสูบ เป็นต้น

ภาพเหล่านี้อาจจะสื่อและตอกย้ำมายาคติทางสังคม ที่มีต่อภาพลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทยอย่างน้อย 3 ประเด็น ดังนี้

1.) สื่อถึงวิถีวัฒนธรรมชาติพันธุ์ที่มีความป่าเถื่อน รุนแรง

2.) สื่อถึงวิถีวัฒนธรรมชาติพันธุ์พัวพันเกี่ยวข้องกับยาเสพติด

3.) สื่อถึงกลุ่มชาติพันธุ์เป็นพวกซ่องสุมอาวุธเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ

ซึ่งทั้ง 3 ประเด็นนี้ เป็นเรื่องเปราะบาง ที่กลุ่มชาติพันธุ์ถูกตีดรามาโดยตลอด 5 ทศวรรษที่ผ่านมา และในยุคศตวรรษที่ 21 เครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย ได้มีการพยายามสื่อสาร สร้างความเข้าใจ นำเสนอข้อมูลวิถีวัฒนธรรมชาติพันธุ์ในเชิงสร้างสรรค์ เพื่อสำรอก รื้อถอนความคิด ความเชื่อเดิมที่มีต่อกลุ่มชาติ พันธุ์ สร้างความเข้าใจใหม่ที่ถูกต้องเป็นธรรม บนฐานการเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และยอมรับความแตกต่างหลากหลายทางวัฒนธรรม เพื่อการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมประเทศไทยอย่างสันติ จนสาธารณะชนเริ่มเข้าใจแก่นแกน คุณค่า ความหมายและโลกทัศน์ที่แท้จริง ของวิถีวัฒนธรรมชนเผ่ามากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้น การนำเสนอภาพของนักศึกษาสาขาวิชาการท่องเที่ยวและโรงแรม วิทยาลัยโปลิเทคนิคลานนาเชียงใหม่ครั้งนี้ ทางเครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม และเครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย มีความไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง เกรงว่าจะเป็นการผลิตซ้ำ ตอกลิ่มภาพลักษณ์ที่เป็นทางอคติ และมายาคติทางชาติพันธุ์สู่สาธารณะอย่างไม่มีวันจบสิ้น และจะเป็นการหักล้าง ลบล้างสิ่งที่เครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม เครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย พยายามขับเคลื่อนมุ่งหวังให้เกิดการอยู่ร่วม อยู่รอด บนฐานทุนของความหลากหลายทางวัฒนธรรม ของสังคมไทยอย่างสงบสุขมาโดยตลอด

เพื่อความสบายใจของสมาชิกชุมชนกะเหรี่ยง และเครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองในประเทศไทย เพื่อความเข้าใจที่กระจ่างแจ้งชัดของสาธารณชน เครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม และเครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย

ขอเรียกร้องให้วิทยาลัยโปลิเทคนิคลานนาเชียงใหม่ ดำเนินการดังต่อไปนี้

ขอให้ผู้บริหารวิทยาลัยโปลิทคนิคลานนาเชียงใหม่ และผู้ที่เกี่ยวข้อง ชี้แจงวัตถุประสงค์เจตนาที่แท้จริงของการนำเสนอภาพลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์ปกาเกอะญอในครั้งนี้ สู่สาธารณะผ่านสื่อต่าง ๆ เพื่อให้สาธารณชนได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้อง

ขอให้ผู้บริหารวิทยาลัยโปลิเทคนิคลานนาเชียงใหม่ และผู้ที่เกี่ยวข้อง ลบภาพที่ไม่เหมาะสมอันก่อให้เกิดความไม่สบายใจต่อสมาชิกชุมชนกะเหรี่ยง และเครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองในประเทศไทย และอาจจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดของสาธารณชนต่อชนเผ่าปกาเกอะญอ ออกจากเพจของวิทยาลัยและสื่ออื่น ๆ ทุกชนิด โดยทันทีหลังจากที่ได้รับหนังสือฉบับนี้

ในการจัดกิจกรรมหรือการพัฒนาที่เกี่ยวข้อง กับวิถีวัฒนธรรมกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง ขอให้มีการศึกษาข้อมูลและปรึกษาหารือกับเครือข่ายชนเผ่าต่าง ๆ โดยมีเครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทยเป็นแกนประสาน ซึ่งยีนดีและพร้อมให้ความร่วมมือในทุกกรณีด้วยความยีนดี ปรีดา และอาดุลย์อย่างกัลยาณมิตร และหุ้นส่วนภาคีในการพัฒนาสังคมให้เจริญรุ่งเรือง สถาพร ที่เป็นธรรมและเป็นสุขอย่างยั่งยืน โดยไม่ด้อยค่า หรือทิ้งใครไว้ข้างหลัง จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาดำเนินการตามข้อเรียกร้อง ยื่นข้อเรียกร้องต่อผู้บริหารวิทยาลัยโปลิเทคนิคลานนา เชียงใหม่ ณ วันที่ 28 ธันวาคม 2565

ลงชื่อ (ผศ.ดร.สุวิชาน พัฒนาไพรวัลย์) เลขาธิการเครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม ตัวแทนผู้ยื่นข้อเสนอเรียกร้อง

จากนั้น อ.ครรชิต เมฏขลา รอง ผอ.ฝ่ายกิจกรรมนักศึกษา ออกมารับหนังสือ กล่าวว่า เป็นการแสดงออกของนักศึกษาสาขาวิชาการท่องเที่ยวและโรงแรม ที่ได้จัดกิจกรรมเดินขบวนในงานกีฬาภายใน ซึ่งเป็นกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว ภายใต้แนวคิดต่อต้านยาเสพติด พิธีกรรมแต่เดิมชาวกะเหรี่ยง ซึ่งไม่ได้มีเจตนาลบหลู่ หรือสร้างความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องแต่อย่างใด และเป็นเรื่องดีที่ทางเครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย เดินทางเข้ามาพบ โดยจะนำข้อเสนอแนะและความถูกต้องไปใช้ในการปฏิบัติกิจกรรมต่อไป

พร้อมนำนักศึกษาที่มีแนวคิดให้นักศึกษาที่ออกมาเดินขบวนกีฬาสี แล้วถือปืนนั่น ชี้แจงว่า เป็นเพียงแสดงออกถึงศักยภาพของชนเผ่ากระเหรี่ยง ที่ทุกบ้านมีปืนแก๊ปไว้ล่าสัตว์ และแสดงออกถึงการต่อต้านยาเสพติดเท่านั้น และน้อมรับนำไปแก้ไขปัญหาร่วมกับชาวชาติพันธุ์ชนเผ่ากระเหรี่ยงต่อไป

ที่มา : https://www.chiangmainews.co.th/news/2838108/