Friday, 29 March 2024
เชียงใหม่

'ทะเลสาบดอยเต่า' คืนชีพ!! อานิสงส์น้ำเต็มเขื่อนภูมิพล ธุรกิจเรือนแพคึกคัก!! สร้างอาชีพ-รายได้ให้ชาวบ้าน

'ทะเลสาบดอยเต่า' ที่แล้งหนักมานานกว่า 10 ปีฟื้นคืนชีพ-เรือนแพท่องเที่ยวคึกคัก หลังน้ำเหนือไหลลงสูงสุดวันละ 200 ล้าน ลบ.ม.จนเต็มเขื่อนภูมิพล เวิ้งน้ำเต็มถึงดอยเต่าสุดลูกหูลูกตา ส่งผลดีต่อการท่องเที่ยว สร้างรายได้และอาชีพให้ชาวบ้าน

ขณะนี้ผู้ประกอบการแพท่องเที่ยวในพื้นที่ อ.ดอยเต่า จ.เชียงใหม่ ต่างเร่งลงมือซ่อมแซมทุ่นลอยเพื่อใช้ทำแพท่องเที่ยวเพิ่มเติม เพื่อบริการล่องแพทะเลสาบดอยเต่ากันอีกครั้ง หลังช่วงฤดูแล้งผู้ประกอบการแพท่องเที่ยวต้องยกแพขึ้นมาบนฝั่งนานหลายปี เนื่องจากน้ำในทะเลสาบดอยเต่าแห้งขอดจนไม่สามารถจัดกิจกรรมล่องแพท่องเที่ยวได้

กระทั่งปีนี้ฝนชุกทำให้มวลน้ำปริมาณมากได้ไหลลงสู่แม่น้ำปิง จนปริมาณน้ำเหนือเขื่อนภูมิพลมีมากสุดในรอบ 10 ปีตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา โดยช่วงที่ฝนตกหนักทางพื้นที่ตอนเหนือเขื่อนมีน้ำไหลเข้าตัวเขื่อนมากที่สุด 200 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ช่วงนี้ฝนเริ่มลดลงทำให้ปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนเริ่มลดลงเหลือวันละ 47 ล้านลูกบาศก์เมตร และจะยังคงมีน้ำไหลเข้าเขื่อนจนถึงช่วงปลายปี ทำให้ล่าสุดปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพลมีทั้งหมด 11,628 ลูกบาศก์เมตรคิดเป็นร้อยละ 86 ของความจุเขื่อน

อานิสงส์ไฮซีซัน รับลมหนาว คาดปีนี้ยอดพุ่งเข้า 6 ล้านคน

อานิสงส์ไฮซีซัน รับลมหนาว เชียงใหม่พร้อมรับนักท่องเที่ยวคาดปีนี้ ยอดพุ่งเข้า 6 ล้านคน เกินครึ่งของช่วงก่อนเกิดโควิด ด้าน ผวจ.เชียงใหม่ ขอคนในพื้นที่เป็นเจ้าบ้านอ้าแขนรับนักท่องเที่ยว

วันที่ (18 ต.ค. 65) นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เผยว่า ในช่วงเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ ในภาพรวมได้เชิญชวนทุกภาคส่วนมาช่วยกันทำให้เชียงใหม่ คงความสวยงามเป็นเมืองระดับโลก สะอาด ปลอดภัย ใครก็อยากจะมาเยือน ขณะนี้ให้ทุกภาคส่วนดูแลเรื่องของความสะอาด เขียว สดใส โดยเฉพาะการเก็บกวาดป้ายโฆษณาที่ไม่ได้รับอนุญาตในพื้นที่เมือง และรอบ ๆ ที่ติดตั้งขวางทางเดิน หรือติดตั้งแบบไม่สวยงามต่าง ๆ โดยเฉพาะแค่ไม่กี่วันได้เก็บไปแล้วกว่า 10,000 ป้าย เพื่อให้บ้านเมืองสะอาดสวยงาม ซึ่งขณะนี้จังหวัดเชียงใหม่ มีความพร้อมที่จะรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาเยือนแน่นอน ส่วนแผนยุทธศาสตร์จังหวัดจะไม่มีการรื้อแผน มีอะไรเปิดคุยกันและเดินหน้าเพราะสิ่งที่คิดมาดีอยู่แล้ว จะมีแต่เรื่องการเติมแผนเข้าไปใหม่

สำหรับสิ่งที่คาดหวังด้านการท่องเที่ยวนั้น คนที่เข้ามาเที่ยวต้องกลับเข้ามามากกว่า 2 ปีที่หายไป ซึ่งประเมินแล้วว่าต้องกลับมามากว่าเท่าตัว อย่างน้อยภาพรวมของปีนี้น่าจะได้เกินมากกว่า 50% ของช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ที่ประมาณ 6 ล้านคน ในตลอดทั้งปีนี้ เพราะ 3 เดือนที่ผ่านมาทำให้ตัวเลขสูงขึ้นตามลำดับ

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ยังกล่าวอีกว่า การเชิญคนกลับมาไม่ได้ยาก แต่สิ่งที่ยากกว่าคือเมื่อนักท่องเที่ยวมาแล้วเกิดความประทับใจ และอยากกลับมาอีก ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวไทยที่สามารถเดินทางมาเชียงใหม่ได้ทุกสัปดาห์ และอยากให้รู้สึกว่าเชียงใหม่มาได้ทุกวัน มาได้ทุกดอย หรือเชียงใหม่ว่างเมื่อไหร่ก็มานะ เพราะเกิดรายได้ที่หลากหลายในพื้นที่ จะไม่ทำเพื่อหลอกใครมาครั้งเดียว และจะต้องขายสินค้าด้านการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ


ที่มา : https://www.chiangmainews.co.th/economics/2769471/?fbclid=IwAR2q0drwuqbb94K9IdJcyXHKTHScKdKCS5VsXbZ04JuAPUHU82uUx7h0MV4

ลมหนาวหนุนท่องเที่ยวเชียงใหม่คึกคัก 'ดอยอินทนนท์' คนไม่ขาดสาย-ผู้ว่าฯ เชื่อไฮซีซันนี้ นทท.เพิ่มเท่าตัว

ลมหนาวส่งผลดีทำ 'ดอยอินทนนท์' นักท่องเที่ยวคึกคักแม้ช่วงวันธรรมดา ขณะที่ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ประเมินไฮซีซันนี้คนเที่ยวเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เชื่อตลอดทั้งปีนี้ตัวเลขทะลุ 6 ล้านคน พร้อมขอความร่วมมือทุกภาคส่วนช่วยกันสร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยวอยากกลับมาเที่ยวซ้ำเรื่อยๆ

วันนี้ (19 ต.ค. 65) รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า สภาพอากาศที่เริ่มหนาวเย็นลงส่งผลดีทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวคึกคักขึ้นตามลำดับแม้ว่าจะเป็นช่วงกลางสัปดาห์ โดยเช้านี้ที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ยังคงมีนักท่องเที่ยวต่างพากันเดินทางเข้าท่องเที่ยวชื่นชมธรรมชาติและสัมผัสอากาศเย็นสบายกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอุณหภูมิต่ำสุดเช้าวันนี้วัดได้ 10 องศาเซลเซียส ที่บริเวณยอดดอยและกิ่วแม่ปาน ขณะที่สถิตินักท่องเที่ยววานนี้ (18 ต.ค. 65) มีจำนวนทั้งสิ้น 1,688 คน เป็นคนไทย 1,305 คน และชาวต่างชาติ 383 คน ยานพาหนะ 422 คัน

ผู้ว่าฯเชียงใหม่ลงพื้นที่จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวขนาด4.1-กำชับทุกพื้นที่สำรวจอาคารสูงและสิ่งปลูกสร้างเก่า

ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ สั่งสำรวจ 2 เขื่อน หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว อ.ดอยสะเก็ด ขนาด 4.1 ยังไม่มี Aftershock กำชับเทศบาลนครเชียงใหม่ และนายกอปท.ทุกแห่ง สำรวจอาคารสูง บ้านเรือนที่ปลูกสร้างมานาน เบื้องต้นยังไม่ได้รับรายงานความเสียหาย

ความคืบหน้ากรณีเมื่อเวลา 04.36 น.วันนี้ (20 ต.ค. 65) เกิดแผ่นดินไหวขนาด 4.1 ความลึก 2 กิโลเมตร จุดศูนย์กลางอยู่ในพื้นที่ตำบลแม่คือ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งแรงสั่นสะเทือนรับรู้ได้บริเวณจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดลำพูนนั้น รายงานข่าวแจ้งว่า เวลา 11.00 น. วันนี้ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมคณะเดินทางลงพื้นที่ตำบลแม่คือ อำเภอดอยสะเก็ด เพื่อติดตามสถานการณ์เหตุแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น

ทั้งนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่สรุปสถานการณ์เบื้องต้นว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้สามารถรับรู้แรงสั่นสะเทือน ได้ 15 อำเภอ จากทั้งหมด 25 อำเภอ และยังไม่มีแผ่นดินไหวตามมา หรือ Aftershock เกิดขึ้น ทั้งนี้ได้สั่งการให้นายอำเภอ ทั้ง 25 อำเภอ ตรวจสอบความเสียหาย เบื้องต้นยังไม่พบรายงานความเสียหาย รวมถึงให้ชลประทาน สำรวจความมั่นคงแข็งแรงของเขื่อนแม่กวงอุดมธารา อ.ดอยสะเก็ด และเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล อ.แม่แตง พบว่าแรงสั่นไหว ไม่กระทบต่อความมั่นคงแข็งแรงของทั้ง 2 เขื่อน

ขณะเดียวกันให้นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ และนายกอปท.ทุกแห่ง สำรวจอาคารสูง บ้านเรือนที่ปลูกสร้างมานาน และบ้านเรือนที่ก่อสร้างอย่างง่าย เป็นเป้าหมายแรก ที่อาจได้รับผลกระทบจากแรงสั่นไหว รวมถึงให้วัฒนธรรมจังหวัด, สำนักพุทธจังหวัด, สำนักศิลปากร ส่งเจ้าหน้าที่ออกสำรวจวัดและโบราณสถาน ทุกแห่งในเบื้องต้น นอกจากนี้ให้ทุกส่วนราชการ สำรวจอาคารสถานที่ในความรับผิดชอบของหน่วย และประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบ ได้รับผลกระทบหรือไม่ โดยให้ทุกหน่วยงาน รับปฏิบัติดำเนินการทันที เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องกับพี่น้องประชาชนคนเชียงใหม่

ด้านนายนนทวัฒน์ วรรณา นายกเทศมนตรีตำบลแม่คือ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบผลกระทบล่าสุดพบว่าโรงเรียนแม่คือวิทยามีตึก 3 ชั้นซึ่งนับว่าสูงที่สุดในพื้นที่ มีรอยร้าวในอาคารชั้นเรียน 1 จุด บริเวณบันไดทางเดินขึ้นอาคาร และภายในห้องสมุดของโรงเรียน ซึ่งเป็นอาคารแยกต่างหากจากอาคารเรียน พบมีรอยร้าวใหม่บนฝ้าเพดาน 2 จุด นอกจากนี้ยังมีรายงานว่ามีบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงได้รับผลกระทบมีรอยร้าวอีก 2 หลัง อยู่ระหว่างการตรวจสอบความเสียหายเพิ่มเติม


ที่มา : https://mgronline.com/local/detail/9650000100415

'ศิลปากร' เช็กโบราณสถานในเชียงใหม่ หลังแผ่นดินไหว พบเจดีย์เก่าวัดร่ำเปิงและโบราณสถานหลายแห่งเสียหาย

สำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ ตรวจสอบพบแผ่นดินไหวขนาด 4.1 จุดศูนย์กลางในอำเภอดอยสะเก็ด ช่วงเช้ามืดวันนี้ (20 ต.ค. 65) ส่งผลกระทบทำให้เจดีย์เก่า 'วัดร่ำเปิง' และโบราณสถานในวัดเชียงใหม่หลายแห่งได้รับความเสียหาย โดยอยู่ระหว่างการสำรวจอย่างละเอียด

ความคืบหน้ากรณีเมื่อเวลา 04.36 น. วันนี้ (20 ต.ค. 65) เกิดแผ่นดินไหวขนาด 4.1 ความลึก 2 กิโลเมตร จุดศูนย์กลางอยู่ในพื้นที่ตำบลแม่คือ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งแรงสั่นสะเทือนรับรู้ได้บริเวณจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดลำพูนนั้น รายงานข่าวแจ้งว่า ทางสำนักศิลปากร ที่ 7 เชียงใหม่ ลงพื้นที่วัดร่ำเปิง ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ตรวจสอบโบราณสถาน พบเจดีย์วัดเกิดร้าวเพิ่ม นอกจากนี้ยังพบโบราณสถานอีก 4-5 วัดในเมืองเชียงใหม่ ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้เช่นกัน โดยกำลังอยู่ระหว่างการเร่งสำรวจอย่างละเอียด


ที่มา : https://mgronline.com/local/detail/9650000100432

พิธีไหว้ครูเสือ 'คุ้มเสือแม่ริม' จ.เชียงใหม่ ที่แรกและที่เดียวในโลก!!

ขอเชิญร่วม พิธีไหว้ครูพยัคฆราช (พญาเสือ) ประจำปี 2565 ตามขนบธรรมเนียมโบราณล้านนา ท่ามกลางพลังปราณแห่งเสือที่แรกและที่เดียวในโลก ณ คุ้มเสือ แม่ริม เชียงใหม่ วันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน 2565 ระหว่างเวลา 09:00 - 12:00 น.

พลตรีหญิง กชกร ไชยบุตร กรรมการบริษัทคุ้มเสือตระการจำกัด กล่าวว่า สืบเนื่องจากเสือมีพลัง มีอำนาจ การเคารพนับถือในตัวเสือทำอยู่ตลอด และมีอาจารย์ท่านแนะนำว่า เสือเป็นสัตว์สูง ถ้าอยู่ตรงไหนหรือบริเวณไหนเราจะสามารถรับพลังได้ เพราะฉะนั้นถ้าเราได้แค่สัมผัสหรือได้เข้ามาอยู่ในบริเวณที่มีเสือเราจะได้รับพลังความเข้มแข็ง จากเสือไปโดยปริยาย 

ที่ผ่านมาเราไม่เคยมีพิธีไหว้ครูเสือเลย แม้ว่าพนักงานทุกคนเขามีเสือเป็นที่สักการะบูชาอยู่แล้ว เพราะเสือเป็นผู้มีคุณต่อคุ้มเสือ ต่อพนักงานของคุ้มเสือทุกคน เสือเลี้ยงดูครอบครัวเรามา ก็ควรจะกตัญญูต่อเสือไปปรึกษาครู บา อาจารย์ ท่านก็แนะนำว่าให้ทำพิธีไหว้ครูเสือ เพื่อให้พนักงานทุกคน ได้มีที่ยึดเหนี่ยว จิตใจ 

จึงมีแนวคิดจัด พิธีไหว้ครูเสือ “พยัคฆราช (พญาเสือ)”โดยมีพระอาจารย์อภิวัฒน์ อินฺทวณฺโณ วัดทุ่งโป่ง แม่ฮ่องสอน เป็นประธานในพิธี และในวันนั้นจะมีพิธีไหว้ครูปู่เจ้าสมิงพราย ซึ่งได้ทำการหล่อรูปเหมือนไว้ และจะนำมาประดิษฐานที่คุ้มเสือด้วย และจัดให้มีพิธีไหว้ครูปู่เจ้าสมิงพรายพลังปราณแห่งเสือ เพื่อให้ประชาชนได้สักการบูชาอีกด้วย 

สำหรังกิจกรรมภายในงาน นอกจากพิธีไหว้ครูพยัคฆราช (ไหว้ครูเสือ) และปู่เจ้าสมิงพราย ท่ามกลางพลังปราณแห่งเสือ (!!ที่เดียวในโลก ที่มีพิธีไหว้ครูเสือท่ามกลางวงล้อมแห่งบรรดาเสือทั้งหลายอย่างแท้จริง!!) รับพลังแห่งอำนาจ วาสนา บารมี และพรจากพระพุทธมนต์ เทพมนต์ และบรรดาครูอาจารย์ต่างๆ ที่เป็นผู้ทรงบารมีและอาคมทั้งปวง

พิธีครอบเศียรครู เพื่ออัญเชิญบรรดาครูแห่งสรรพวิชาทั้งหลายที่ทุกท่านได้ร่ำเรียนมาสถิตและประสาทพร ให้ประสบสุข สำเร็จก้าวหน้าในวิชาชีพ หน้าที่การงานของท่าน 

พิธีลง นะ หน้าทอง เพื่อเสริมเมตตา มหาเสน่ห์ ให้เป็นที่รักใคร่เมตตาแก่บุคคลทั้งหลาย ให้ประสบโชคลาภสัมฤทธิผล ค้าขายร่ำรวย กิจการรุ่งเรือง

พิธีสักยันต์พญาเสือเผือก (พญาเสือขาว) ตามตำราโบราณ ทั้งการสักหมึกและสักน้ำมันและอัญเชิญพลังปราณจากบรรดาพญาเสือ ณ ที่พิธีเข้ามาสถิต เพื่อหนุนพลังอำนาจบารมี ให้เป็นผู้ยิ่งใหญ่ก้าวหน้า เป็นที่เคารพนำเกรง และพลังเมตตามหานิยม ให้เป็นที่รักใคร่ มีเสน่ห์แก่ผู้พบเห็น

การสั่งจองและบูชาวัตถุมงคลพยัคฆ์บารมี รุ่น 2 เช่น ไม้ครูเสือ จี้และลูกปัดลาย 王 เขี้ยวเสือ หัวเสือ สีผึ้งเมตตามหาอำนาจ ฯลฯ ซึ่งผ่านการอธิษฐานจิตและปลุกเสกมาแล้วหลายวาระ

ญาติขอชันสูตรรอบ 2 นายพล ตท.10 เสียชีวิตปริศนาในบ้านพักเชียงราย ไม่เชื่อเป็นอุบัติเหตุ

ญาติไม่เชื่อเป็นอุบัติเหตุ เตรียมส่งชันสูตรศพรอบ 2 กรณี “นายพลเตรียมทหารรุ่น 10” เสียชีวิตปริศนาในบ้านพักที่เทิง เชียงราย ชี้ข้อสงสัยหลายจุด ขณะที่ ตร.เผยยังไม่ตัดประเด็นถูกทำร้ายหรืออุบัติเหตุ

วันนี้ (28 ต.ค. 65) พล.ต.ต.ดุลเดชา อาชวะสมิตระกูล ผบก.จว.เชียงราย มอบหมายให้ พ.ต.อ.ภาสกร ณ พิกุล รอง ผบก.ภ.จว.เชียงราย พ.ต.อ.ณัฏฐวุฒิ ยุววรรณ ผกก.สภ.เทิง เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าหารือและชี้แจงกับนาวาตรี หญิง ศิริวรรณ พรเพ็ชรรัตน์ ลูกสะใภ้ พร้อมญาติของ พล.ต.สมชาย พรเพ็ชรรัตน์ อายุ 71 ปี ข้าราชการบำนาญ-นายพลเตรียมทหารรุ่น 10

กรณีพบ พล.ต.สมชาย ที่อาศัยอยู่บ้านพักในหมู่บ้านสันปูเเลย ต.เชียงเคียน อ.เทิง จ.เชียงราย สภาพร่างเปลือยเปล่าหมดสติและมีร่องรอยบาดแผลที่ศีรษะ-ร่างกายบางจุด บริเวณประตูทางเข้าชั้นล่างของตัวบ้าน ซึ่งมีพื้นเป็นคอนกรีตต่างระดับ เมื่อมีผู้นำส่งโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ก็เสียชีวิตลงเมื่อ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา

พ.ต.อ.ภาสกรกล่าวว่า กรณีนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ ภ.5 ได้สั่งการให้ทาง ภ.จว.เชียงรายเข้าไปคลี่คลายเรื่องราว จึงได้เชิญเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและญาติมาร่วมประชุมได้ข้อสรุปว่าต้องรอผลการชันสูตรพลิกศพอย่างเป็นทางการ เพื่อจะให้ทราบสาเหตุของการเสียชีวิตที่ชัดเจน จากนั้นจึงจะสามารถดำเนินการตามกฎหมายได้ต่อไป

อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ทางเจ้าหน้าที่ก็จะเก็บหลักฐาน และสอบปากคำพยานไปแล้วจำนวน 6 คน เมื่อได้ผลการชันสูตรพลิกศพมาแล้วจะได้ดำเนินการได้ทันที ซึ่งหากเป็นคดีอาญาหรือมีผู้กระทำความผิดก็จะมีการสืบสวนสอบสวนตามขั้นตอน แต่ ณ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่ทิ้งประเด็นใดออกไปไม่ว่าจะเป็นเรื่องอุบัติเหตุ หรือคดีอาญา เบื้องต้นตั้งประเด็นเอาไว้ 2-3 ประเด็น ซึ่งยังต้องรอผลสรุปจากการชันสูตรพลิกศพมาประกอบ

ด้านนาวาตรี หญิง ศิริวรรณ กล่าวว่า มั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ แต่ขณะนี้ได้ขอนำศพไปทำการชันสูตรพลิกศพรอบ 2 ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ จ.ปทุมธานี โดยจะเคลื่อนศพไปในวันอาทิตย์ที่ 30 ต.ค.นี้ เพื่อจะได้นำผลการตรวจมาเปรียบเทียบกัน

เนื่องจากญาติยังคงไม่ปักใจเชื่อว่าการเสียชีวิตเกิดจากอุบัติเหตุ แต่เชื่อว่าเกิดจากการเสียชีวิตอย่างผิดธรรมชาติ เพราะตามปกติบิดาของสามีตนไม่มีโรคประจำตัว เพียงแต่ก่อนหน้านั้นได้โทรศัพท์แจ้งว่าปัสสาวะขัดและนอนไม่ค่อยหลับเท่านั้น

นอกจากนี้ยังได้ส่งหลักฐานที่น่าสงสัยให้เจ้าหน้าที่เพิ่มเติม เช่น กางเกงของคุณพ่อที่ตกอยู่ใกล้ศพ ซึ่งมีคราบของอุจจาระ ปัสสาวะและเลือด ราวตากผ้าที่วางอยู่ผิดตำแหน่งเดิม คราบดินในเล็บนิ้วในมือซ้าย โดยเฉพาะตรงนิ้วนางที่มีอยู่มาก ทั้งๆ ที่ตามปกติ พล.ต.สมชาย เป็นคนรักษาความสะอาดมาก ฯลฯ

รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ได้ชันสูตรพลิกศพ พล.ต.สมชาย และทางสำนักงานทะเบียนท้องถิ่น เทศบาลนครเชียงราย ได้ออกใบมรณบัตรระบุถึงการเสียชีวิตของ พล.ต.สมชาย ว่ามีสาเหตุมาจากการบาดเจ็บบริเวณศีรษะ และสันนิษฐานเบื้องต้นว่าเกิดจากการล้มศีรษะกระแทกพื้น

ทั้งนี้ พล.ต.สมชาย เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 10 รุ่นเดียวกับนายทหารที่มีชื่อเสียงหลายนาย ปัจจุบันมีสถานะเป็นหม้าย และมีภูมิลำเนาเดิมเป็นชาวกรุงเทพฯ หลังเกษียณอายุราชการได้ไปอาศัยอยู่ที่บ้านพักที่เกิดเหตุ โดยมีลูกชายและลูกสะใภ้แวะไปเยี่ยมเยียนเป็นประจำ


ที่มา : https://mgronline.com/local/detail/9650000103240
 

เปิดผลการศึกษาขนส่งมวลชนรถไฟฟ้าเชียงใหม่

รฟม.จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนโครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดเชียงใหม่ เน้นย้ำโครงการต้องเป็นไปได้และเกิดประโยชน์ต่อประชาชนเป็นสำคัญ

การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนต่อผลการศึกษาเปรียบเทียบรูปแบบการดำเนินโครงการที่เหมาะสม สำหรับโครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดเชียงใหม่ สายสีแดง (โรงพยาบาลนครพิงค์ – แยกแม่เหียะสมานสามัคคี)

วานนี้ (31 ต.ค.65 ) นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ต่อผลการศึกษาเปรียบเทียบรูปแบบการดำเนินงานโครงการที่เหมาะสมสำหรับ โครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดเชียงใหม่ สายสีแดง (โรงพยาบาลนครพิงค์ – แยกแม่เหียะสมานสามัคคี) ณ ห้องแกรนด์วิว 3 โรงแรมเชียงใหม่แกรนด์วิว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โดยมี นายสาโรจน์ ต.สุวรรณ รองผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเป็นผู้ชี้แจงรายงานความเป็นมาของโครงการฯ และมีผู้แทนหน่วยงานจากภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้นำชุมชน และประชาชนในพื้นที่ ร่วมประชุมทั้งออนไซด์และออนไลน์ผ่านระบบ video conference

นายสาโรจน์ ต.สุวรรณ รองผู้ว่าการฯ ชี้แจงว่า สืบเนื่องจากการศึกษาดำเนินโครงการฯ เดิมตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 พบว่าโครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนจังหวัดเชียงใหม่ ระบบรางบนดินและใต้ดินมีผลการประเมินด้านมูลค่าการลงทุนและการบำรุงรักษาค่อนข้างสูง รวมไปถึงผลกระทบที่อาจผลต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนในพื้นที่ ดังนั้นการประชุมในวันนี้จึงเป็นการนำเสนอทางเลือกรูปแบบแนวทางของโครงการฯ ที่ใช้การจราจรบนทางเป็นหลัก เพื่อให้ได้รูปแบบระบบรถไฟฟ้าที่เหมาะสมต่อสภาพพื้นที่ของเขตเมืองเชียงใหม่ อีกทั้งเพื่อให้การดำเนินโครงการสามารถเป็นไปได้และเกิดประโยชน์ต่อประชาชนชาวเชียงใหม่

โดยเบื้องต้นคณะผู้ศึกษาได้มีการพิจารณาเปรียบเทียบรูปแบบการดำเนินโครงการ ทั้งในด้านของวิศวกรรมและจราจร การลงทุนหรือผลตอบแทน รวมถึงด้านของสิ่งแวดล้อม ใน 4 รูปแบบ ทั้งระบบล้อเหล็กรางคู่ ล้อยางรางเดี่ยว ล้อยางรางเสมือน และใช้รถไฟฟ้าล้อยางลักษณะคล้ายรถเมล์ ซึ่งพบว่ารูปแบบของรถไฟฟ้าล้อยาง เป็นรูปแบบที่มีความเหมาะสมในการพัฒนาโครงการฯ เพราะนอกจากจะสามารถลดต้นทุนโครงการได้แล้ว ยังสามารถบรรเทาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและการเวนคืนที่ดิน และสามารถย่นระยะเวลาการก่อสร้างได้อีกด้วย

ในโอกาสนี้ ที่ประชุมได้เปิดให้มีการเสนอข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากประชาชนที่เข้าร่วม ถึงประเด็นข้อห่วงใยต่าง ๆ ทั้งผลกระทบทางด้านการจราจรในห้วงระยะเวลาระหว่างการดำเนินก่อสร้างโครงการฯ ตลอดจนข้อซักถามถึงจำนวน ผู้ที่จะมาใช้บริการ อันจะส่งผลต่อความคุ้มค่าของผลตอบแทนอีกด้วย ทั้งนี้คณะที่ปรึกษาและศึกษาระบบได้มีการตอบคำถามในประเด็นข้อคิดเห็นของประชาชนต่าง ๆ และเน้นย้ำว่าจะนำข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่ได้ไปพิจารณาและปรับปรุงผลการศึกษาออกแบบโครงการต่อไป


ที่มา : https://www.chiangmainews.co.th/topstories/2783346/

‘ต้อนรับลมหนาว’ นักท่องเที่ยวแห่ชมทะเลหมอกที่สวยงามที่สุด สัมผัสอุณหภูมิต่ำสุด 9 องศาเซลเซียส

เชียงใหม่ -  ดอยอินทนนท์ เปิดวันแรกเส้นทางศึกษาธรรมชาติ กิ่วแม่ปาน เส้นทางเดินป่าชมทะเลหมอกที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของไทย หลังปิดให้ธรรมชาติฟื้นฟูประจำปี 5 เดือน ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างตื่นเต้นแห่ต่อแถวยาวเข้าเที่ยวชมสัมผัสธรรมชาติ อุณหภูมิต่ำสุด 9 องศาเซลเซียส และมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง 

รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่เช้าวันนี้ (1 พ.ย. 65) บรรยากาศการท่องเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นไปอย่างคึกคัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่บริเวณจุดชมทิวทัศน์หลักกิโลเมตรที่ 42 (กิ่วแม่ปาน) อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากต่างพากันเข้าแถวรอคิวเพื่อเข้าท่องเที่ยวชมเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน ที่เริ่มเปิดให้เข้าท่องเที่ยวได้วันนี้เป็นวันแรกหลังจากที่มีการปิดในช่วงตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.-31 ต.ค. รวมระยะเวลา 5 เดือน เป็นประจำทุกปีเพื่อให้ธรรมชาติฟื้นฟู

ชมฟรีตลอดงาน!! 'เชียงใหม่' เตรียมจัด 'ประเพณียี่เป็ง' ประจำปี 2565 เพื่อเผยศิลปวัฒนธรรม พร้อมดันสู่อัตลักษณ์ของอาเชียน

องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ เตรียมจัดงานอลังการประเพณี
ยี่เป็งเชียงใหม่ ประจำปี 2565 “แสงศิลป์ ถิ่นล้านนา”  เพื่อสืบสานงานประเพณียี่เป็งประจำปี เพื่อส่งเสริมศิลปการแสดงของท้องถิ่นศิลปวัฒนธรรม วิถีชีวิตภูมิปัญญา ที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวล้านนาในจังหวัดเชียงใหม่

เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 เวลา 18.30 น. องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ จัดแถลงข่าวงานอลังการประเพณียี่เป็งเชียงใหม่ ประจำปี 2565 “แสงศิลป์ถิ่นล้านนา”ก่อนการแถลงข่าวได้มีการแสดงต้อนรับชุด "มหานมี แห่งล้านนา พุทธบูชา ยี่เป็งรำลึก" โดยมีนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานแถลงข่าว พร้อมด้วย นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ นางสาวสุลัดดา ศรุติลาวัณย์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท. สำนักงานเชียงใหม่  นายพัลลภ แซ่จิว ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกันแถลงข่าว ที่สวนเฉลิมพระเกียรติ 82 พรรษา องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ 

การจัดงานประเพณีเดือนยี่เป็งเชียงใหม่ จัดกิจกรรมงานอลังการประเพณียี่เป็งเชียงใหม่ ประจำปี 2565 “แสงศิลป์ถิ่นล้านนา” จัดเพื่อสืบสานงานประเพณีลอยกระทง ทาง อบจ.เชียงใหม่เป็นแม่งาน ยืนยันปีนี้จัดยิ่งใหญ่อลังการ ให้ผู้มาลอยกระทงที่ทะเลสาปสวนเฉลิมพระเกียรติ 82 พรรษา อบจ.เชียงใหม่ และได้ชมแสงสีเสียงตลอดการจัดงาน วันที่ 7-9 พ.ย.2565 โดยมีแนวคิดเพื่อ เพื่อเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรม วิถีชีวิตภูมิปัญญา ที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวล้านนาใน จ.เชียงใหม่ และพัฒนาไปสู่การเสริมสร้างมูลค่างานหัตถกรรมพื้นบ้าน ศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน และงานภูมิปัญญาต่างๆ ของกลุ่มชาวล้านนาของ จ.เชียงใหม่ให้ก้าวสู่ระดับสากลอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน อีกทั้งในการจัดงานครั้งนี้ยังช่วยส่งเสริมสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ภูมิปัญญาของท้องถิ่นและกระตุ้นเศรษฐกิจของ จ.เชียงใหม่ให้ดียิ่งขึ้น

จังหวัดเชียงใหม่ เป็นนครแห่งวัฒนธรรมที่รุ่งเรือง และมีประวัติศาสตร์ยาวนาน มีความเป็นเอกลักษณ์ด้านศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ถ่ายทอดสู่งานหัตถกรรมที่มีคุณค่า รวมทั้งมีการแสดงศิลปวัฒนธรรมล้านนาที่มีความหลากหลายและโดดเด่น ประเพณีลอยกระทง เป็นประเพณีที่สำคัญอย่างหนึ่งของไทย ตรงกับวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ของทุกปีหรืออยู่ในราวเดือนพฤศจิกายน เป็นประเพณีเก่าแก่ของไทยที่มีตั้งแต่ครั้งสมัยสุโขทัย เรียกกันว่างานลอยพระประทีป หรือลอยโคม เป็นงานนักขัตฤกษ์ รื่นเริงของประชาชนทั่วไป ประเพณีลอยกระทง ได้กำหนดจัดในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณที่ติดกับแม่น้ำ ลำคลอง หรือแหล่งน้ำต่างๆ ซึ่งแต่ละพื้นที่ก็จะมีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจแตกต่างกันไป 

กิจกรรมในวันเดือนยี่เป็งของชาวล้านนาและคนเชียงใหม่ เช่น ในวัดจะมีการตั้งธรรมหลวง หรือเทศน์มหาชาติ ปล่อยว่าวโฮม ตาม

บ้านเรือนและสถานที่สำคัญอันเป็นที่เคารพบูชา จะมีการจุดผางประทีป จิบอกไฟ ล่องสะเปา ปล่อยโคมลอย เชื่อว่า เป็นการปล่อยเคราะห์ การทำบุญ สืบชะตา เพื่อความเป็น สิริมงคล โดยปีนี้วันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ตรงกับวันที่ 8 พฤศจิกายน 2565 ถือเป็นวันลอยกระทง เพื่อเป็นการส่งเสริม สืบสานและอนุรักษ์ วัฒนธรรมประเพณีเดือนยี่เป็ง ซึ่งเป็นประเพณีอันดีงามของ จ.เชียงใหม่ อัตลักษณ์ความเป็นคนเชียงใหม่ และอารยธรรมท้องถิ่นล้านนา 
 


TRENDING
© Copyright 2022, All rights reserved. North Time Thailand
Take Me Top