Wednesday, 17 April 2024
North Time Team

“ พูดแล้วทำ “

น.ส.นันทิยา วงศ์วานิชย์ (ฝน) ลูกสาว นายอนันต์ วงศ์วานิชย์ อดีตนายกเทศมนตรีเมืองแม่ฮ่อง สอน 8 สมัย เปิดใจที่จะพัฒนาบ้านเกิด ให้ทัดเทียมกับเมืองใหญ่ที่เจริญแล้ว

 

ล่าสุด ฝน นันทิยา วงศ์วานิชย์ เปิดตัวตัดสินใจเลือกเส้นทางการเมือง เข้าสังกัดพรรคภูมใจไทย ว่าที่ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย แม่ฮ่อง สอน เขต 1 ด้วยสโลแกนของพรรคภูมิใจไทย “ พูดแล้วทำ “

 

น.ส.นันทิยา วงศ์วานิชย์ อดีตผู้อำนวยการกองประกวดมิสแกรนด์จังหวัดแม่ฮ่องสอน สายเลือดนักการเมือง และเป็นสายเลือดแม่ฮ่องสอนโดยกำเนิด ใจซื่อ มือสะอาด เจริญตามรอยพ่อ อาสาพัฒนาบ้านเกิด ขอโอกาสจากชาวแม่ฮ่องสอน โอกาสเดียวที่จะเปลี่ยน ( ฝน) นันทิยาฯ เชื่อมั่น!!ภูมิใจไทย สามารถเปลี่ยนและพัฒนาบ้านเกิดได้

 

โดย นันทิยา วงศ์วานิชย์ ว่าที่ผู้สมัครพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนได้ลงพื้นที่พบปะ กับพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดแม่ฮ่องสอนทุกอำเภอในเขตเลือกตั้งที่ 1 มาแล้วหลายปี และไปมาแล้วเกือบทุกหมู่บ้านใน 4 อำเภอ ได้รับการตอบรับกับชาวบ้านเป็นอย่างดี

 

สำหรับสนามเลือกตั้งแม่ฮ่องสอนในตอนนี้ ถึงแม้จะยังไม่มีการประกาศให้มีการเลือกตั้ง อย่างเป็นทางการแต่ก็มีการลงพื้นที่หาเสียงอย่างเข้มข้น จาก ว่าที่ผู้สมัครในพรรคดัง ๆ ได้แก่ นายจำลอง รุ่งเรือง พรรครวมไทยสร้างชาติ , นายดนุภัทร เชียงชุม ว่าที่ผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์, นายสมภพ คงความซื่อ ว่าที่ผู้สมัครพรรคเพื่อไทย คาดว่าต่างฝ่ายต่างงัดไม้ตายมาสู้กันจนสุดความสามารถ

 

สิริมงคลในโอกาสเดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดเชียงใหม่จากนายก

วันที่ 16 มี.ค.2566 - นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีกำหนดลงพื้นที่ตรวจราชการ ณ จังหวัดเชียงใหม่ ในวันศุกร์ที่ 17 มีนาคม 2566 เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล

 

โดยมี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายอรรถพล สังขวาสี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมลงพื้นที่ตรวจราชการ โดยมีกำหนดการ ดังนี้

 

เวลาประมาณ 08.30 น. นายกรัฐมนตรีและคณะ ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานทหาร กองบิน 41 ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ โดยเครื่องบินของกองทัพอากาศ แล้วเดินทางไปถวายเครื่องสักการะและกราบอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย

 

เพื่อความเป็นสิริมงคลในโอกาสเดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นนายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปยังวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อรับฟังข้อเสนอการสนับสนุนแผนแม่บทโครงการเสนอชื่อครูบาเจ้าศรีวิชัยเป็นบุคคลสำคัญของโลก กลุ่ม 10 จังหวัดภาคเหนือ

 

หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีจะเดินทางต่อไปยังศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ เฉลิมพระเกียรติฯ เชียงใหม่ ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อพบปะประชาชนชาวเชียงใหม่และติดตามผลการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ได้แก่

 

1) โครงการฟื้นฟูสุขภาพช่องปากด้วยรากฟันเทียมที่พัฒนาขึ้นเอง คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โครงการปรับปรุงอาคารผู้ป่วยหลวงปู่แหวน “สุจิณโณ” โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ และด้านพลังงานสะอาด พลังงานทดแทน การแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ

 

2) การพัฒนา AI เพื่อช่วยเหลือการทำงานและดูแลสุขภาพ และ

 

3) การพัฒนาแปรรูปพืชพื้นบ้าน/ผลิตภัณฑ์พื้นบ้าน การส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ การส่งเสริมนวัตกรรมเพื่อชุมชน

 

จากนั้น นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปยังมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ตำบลหนองหาร อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อตรวจเยี่ยมการพัฒนาศักยภาพผู้สูงอายุในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ก่อนจะเดินทางกลับถึงท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ในเวลาประมาณ 17.45 น.

 

ทั้งนี้ กำหนดการอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม “การลงพื้นที่ตรวจราชการของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล รวมถึงรับฟังปัญหาและความเป็นอยู่ของประชาชน

 

ทั้งนี้ จังหวัดเชียงใหม่ถือเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญของภาคเหนือ มีความโดดเด่นมีนวัตกรรมที่ต่อยอดให้เกิดเป็นผลิตภัณฑ์และบริการมูลค่าสูงตามแนวทางเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และแนวทางการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ (Northern Economic Corridor : NEC – Creative LANNA) รวมทั้งโดดเด่นทางศิลปวัฒนธรรมล้านนาและภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีอัตลักษณ์ และเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญของไทยที่ได้รับความนิยมในระดับโลก

 

โดยรัฐบาลมุ่งพัฒนาจังหวัดเชียงใหม่ให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ เป็นประตูการค้าการลงทุนสู่สากล ผ่านการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจและสังคม และพร้อมดูแลประชาชนทุกคนในพื้นที่ ยกระดับรายได้ และคุณภาพชีวิต เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” นายอนุชา กล่าว

 

บรรยายพฤติการณ์การกระทำผิดต่างๆของนายอัจฉริยะ ตามคำฟ้อง

นายเรืองศักดิ์ สุขเสียงศรี ทนายความ ซึ่งได้รับมอบหมายจาก นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เปิดเผยความคืบหน้ากรณียื่นฟ้อง นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ข้อหาหมิ่นประมาท และเรียกค่าเสียหายจำนวน 50 ล้านบาท ต่อศาลอาญาเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2566 ว่า

 

คดีนี้ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 10 เมษายน 2566 เวลา 09.00 น. ซึ่งทีมทนายความ ได้มีการซักซ้อมพยานและแสวงหาหลักฐานเพิ่มเติมพบว่า รูปคดีฝ่ายโจทก์มีข้อมูลเพียงพอที่จะสามารถเอาผิดจำเลยได้ โดยสามารถตัดพยานบางปากออกไปได้เพื่อความรวดเร็วในพิจารณาคดีของศาล

 

นายเรืองศักดิ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ในการไลฟ์สดของนายอัจฉริยะ บางครั้งมีการนำภาพของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข อดีต ผบ.ตร มาประกอบการอ้างอิงต่างๆนานาด้วย จึงเป็นประเด็นที่ทีมกฎหมายต้องนำสืบข้อเท็จจริงต่าง ๆ หักล้าง

 

โดยเห็นสมควรต้องนำพยานที่ถูกพาดพิง ขึ้นเบิกความต่อศาลด้วยตัวเอง เพื่อประกอบการบรรยายพฤติการณ์การกระทำผิดต่างๆของนายอัจฉริยะ ตามคำฟ้อง และคิดว่า เป็นประโยชน์ต่อตัวของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ ที่ถูกกล่าวพาดพิงด้วย ทีมกฎหมายจึงได้บรรจุชื่อ พล.ต.อ.สุวัฒน์ ไว้ในบัญชีพยาน

 

โดยที่ยังไม่ได้แจ้งให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ทราบ ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา ทีมกฎหมายพยายามประสานงานไป แต่ก็ยังไม่สามารถติดต่อ พบปะ พูดคุย หรือแจ้งให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ ทราบได้ การดำเนินการต่อจากนี้ก็จะได้มีการประสานและชี้แจงเหตุผลความจำเป็นให้กับพยานแต่ละท่านทราบ แต่หากพยานท่านหนึ่งท่านใดไม่ประสงค์จะขึ้นเบิกความ ก็สามารถถอนรายชื่อออกไปจากบัญชีพยานได้

 

ฝุ่นตรึม!

วันนี้(12 มี.ค.66) รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า สถานการณ์ปัญหาฝุ่นควัน ไฟป่า และคุณภาพอากาศของจังหวัดเชียงใหม่ยังคงทวีความรุนแรงและค่ามลพิษอากาศสูงเกินมาตรฐานอยู่ในระดับที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยสภาพทั่วทั้งตัวเมืองเชียงใหม่ถูกปกคลุมด้วยฝุ่นควันหนาทึบจนไม่สามารถมองเห็นยอดดอยสุเทพได้จากระยะไกลเหมือนปกติ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดทางกายภาพที่บ่งบอกถึงความรุนแรงของสถานการณ์ปัญหามลพิษอากาศได้เป็นอย่างดี และเป็นเช่นนี้ติดต่อกันทุกวันมานานหลายสัปดาห์แล้ว

.

ทั้งนี้เว็บไซต์ Iqair.com ซึ่งรายงานคุณภาพอากาศจากทั่วโลก แจ้งผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศและการจัดอันดับเมืองที่มลพิษทั่วโลก เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ พบว่าจังหวัดเชียงใหม่มีดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ที่ 212 US AQI และค่า PM 2.5 วัดค่าได้ 161.3 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งเกินค่ามาตรฐาน และอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อทุกคนอย่างรุนแรง โดยผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศดังกล่าวสูงที่สุดเป็นอันดับที่ 1 ของเมืองหลักที่มีมลพิษอากาศสูงสุดของโลก ซึ่งค่ามลพิษอากาศของจังหวัดเชียงใหม่อยู่อันดับที่ 1 ของโลก เกือบตลอดทั้งวานนี้และต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้ สำหรับ 3 อันดับแรกเมืองหลักที่มีมลพิษอากาศสูงสุดของโลก ในช่วงเวลาเดียวกันของวันนี้ ได้แก่ อันดับ 1. เชียงใหม่ ประเทศไทย ดัชนีคุณภาพอากาศ 212 US AQI, อันดับ 2. เมืองโกลกาตา ประเทศอินเดีย 209 US AQI และอันดับ 3. เมืองเดลี ประเทศอินเดีย 184 US AQI

.

ขณะที่รายงานผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศจังหวัดเชียงใหม่ จากสถานีตรวจวัดของกรมควบคุมมลพิษ ในตำบลช้างเผือก, ตำบลศรีภูมิ, ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่, ตำบลช่างเคิ่ง อำเภอแม่แจ่ม,ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว และตำบลหางดง อำเภอฮอด พบค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เฉลี่ยในรอบ 24 ชั่วโมง ณ เวลา 09.00 น. วันนี้อยู่ที่ 109 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร, 97 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร, 108 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร, 102 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร, 141 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร และ 129 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ จากค่ามาตรฐานไม่เกิน 50 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ส่วนค่าดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) อยู่ที่ 219,207,218,212,251 และ 239 ตามลำดับ จากค่ามาตรฐานไม่เกิน 100 ซึ่งภาพรวมคุณภาพอากาศอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ

.

รายงานข่าวแจ้งว่า แม้ว่าที่ผ่านมาทางจังหวัดเชียงใหม่และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจะพยายามดำเนินทุกมาตรการเพื่อป้องกันแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่แล้ว ซึ่งสมารถควบคุมจุดความร้อนจากการเผา หรือ HotSpot ในพื้นที่ได้ค่อนข้างดี อย่างไรก็ตามประสบปัญหาฝุ่นควันที่ถูกพัดพาจากต่างพื้นที่เข้ามาสะสมอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่าในช่วงวันที่ 12-14 มี.ค. 66 จะเกิดพายุฤดูร้อนและฝนฟ้าคะนองในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งอาจจะเป็นปัจจัยที่ช่วยคลี่คลายบรรเทาสถานการณ์มลพิษอากาศที่รุนแรงลงได้ในระดับหนึ่ง

.

ที่มา : mgr online

.

#นอร์ทไทม์

กลุ่มรักษ์เชียงของและประชาชนเชียงของจำนวนหนึ่งไม่เห็นด้วยกับการที่จะถูกแบ่งออกเป็น 2 เขต

ภายหลังจากที่คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงราย (กกต.เชียงราย) ได้ประกาศรูปแบบการแบ่งเขตเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงรายแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ปี พ.ศ. 2566 เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2566 โดยแบ่งเขตเลือกตั้งเป็น 7 เขต

 

โดย กกต.ได้จัดทำรูปแบบการแบ่งเขตเป็น 3 รูปแบบ และออกประกาศรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและพรรมการเมืองในพื้นที่ แต่ปรากฏว่าทั้ง 3 รูปแบบ พื้นที่อำเภอเชียงของได้ถูกแบ่งเป็น 2 ส่วนเพื่อไปรวมกับเขตอำเภออื่น ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์และเสียงคัดค้านอย่างกว้างขวาง

 

นายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของ และภาคประชาสังคมเชียงของ กล่าวว่า จากการพิจารณาแล้วพบว่าทั้ง 3 รูปแบบที่ทาง กกต.เชียงรายประกาศนั้น พื้นที่อำเภอเชียงของถูกแบ่งเป็น 2 เขตเลือกตั้ง ทางกลุ่มรักษ์เชียงของและประชาชนเชียงของจำนวนหนึ่งไม่เห็นด้วยกับการที่จะถูกแบ่งออกเป็น 2 เขต ด้วยเหตุผล

 

1. การแบ่งเขตเลือกตั้งนั้นมีนัยะสำคัญเกี่ยวพันกับการกำหนดการพัฒนาอำเภอเชียงของในอนาคต หากการแบ่งเขตครั้งนี้เมืองเชียงของถูกแยกพื้นที่เลือกตั้งในขณะที่เชียงของเป็นเมืองหน้าด่านด้านคมนาคมขนส่งเชื่อมต่อเส้นทาง R3A ที่เป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ภูมิภาค และเมืองที่จะต้องพัฒนาในรูปแบบความเป็นวัฒนธรรมวิถีที่มีแนวทางเป็นของตัวเอง ที่มีความเป็นมาแต่อดีตแล้วแต่กลับถูกแบ่งออกไปจึงมีคำถามว่าผู้แทนทั้ง 2 คน จะดูแลและปฏิบัติไปในแนวทางใดกับอำเภอเชียงของในด้านการพัฒนา ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของกล่าวว่า

 

2. เป็นการเสียโอกาสของคนในพื้นที่ที่จะมีตัวแทนที่เข้าใจความเป็นท้องถิ่นอย่างชัดเจนในความเป็นเมืองหน้าด่าน การแบ่งเชียงของเป็น 2 เขตเหมือนเป็นการตัดตอนเมื่อมีการแบ่งเขตออกไป คนเชียงของจึงต้องการรับทราบเหตุผลในการแบ่งเชียงของที่เป็นเมืองที่มีหน่วยงานองค์กรที่เกี่ยวข้องที่ดำเนินการดูแลครอบคลุมพื้นที่อย่างเป็นระบบ เมืองเชียงของนั้นสำคัญที่จะต้องมีความเป็นหนึ่งที่จะพัฒนาไปในทางเดียวกัน จึงไม่ควรแยกเชียงของเป็น 2 เขต

 

“การแบ่งเขตลักษณะนี้เป็นเรื่องประโยชน์ใดในทางการเมืองหรือไม่นั้น ผมไม่สามารถตรวจสอบได้ แต่หากมองในฐานะประชาชนคนท้องถิ่นเห็นว่ามันไม่ถูกต้อง ดังนั้นทางกลุ่มรักษ์เชียงของ พวกเราได้รับฟังเสียงประชาชนได้พื้นที่ และเตรียมส่งหนังสือเพื่อเสนอแนะ และยืนยันจุดยืนในฐานะคนเชียงของ ให้ กกต.ทบทวนการแบ่งเขตเลือกตั้งครั้งนี้ใหม่ที่ควรจะมีรูปแบบไม่แบ่งเชียงของเป็น 2 เขตเลือกตั้ง” นายนิวัฒน์ กล่าว

 

ขณะที่นายปรพล พูตระกูล ผอ.กกต.เชียงราย กล่าวว่า กต.เชียงราย พร้อมรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน องค์กร และพรรคการเมืองในพื้นที่หากมีข้อเสนอและข้อแนะนำสามารถเขียนในแบบฟอร์มรับฟังความคิดเห็นให้เลือกรูปแบบที่เหมาะสมจากที่ กกต.เชียงรายเสนอ ส่วนการแบ่งเขตนั้นแบ่งตามหลักการเงื่อนไขจำนวนประชากร และจะต้องมีอำเภอที่มีถูกแบ่งเป็น 2 เขต ภายใต้ข้อจำกัด

 

อย่างไรก็ตามหากมีองค์กร หรือประชาชนมีความเห็นในการแบ่งรูปแบบที่แตกต่างสามารถเสนอความเห็นมาได้ภายในเวลาที่กำหนดคือ 13 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการตั้งข้อสังเกตจากหลายภาคส่วนทั้งตัวแทนผู้สมัครที่เห็นว่า มีความไม่เหมาะสมในเรื่องภูมิประเทศและพื้นที่ในการเดินทางดูแล#นอร์ทไทม์ ละเชียงของเป็นเมืองหน้าด่าน และเป็นเมืองหลักจึงไม่ควรถูกแบ่ง เมื่อเทียบกับการแบ่งเขตในการเลือกตั้ง ส.ส.ในปี 2562 นั้น เชียงของอยู่ในเขต 5 ยกอำเภอ

 

แต่การแบ่งเขตในครั้งนี้ถูกแบ่งเป็นเขต 5 และเขต 7 จะมีรูปแบบเปลี่ยนไป ในการแบ่งเขตครั้งนี้ เชียงของจะถูกแบ่งไปรวมกับ แม่สายและเชียงแสน ที่เป็นเมืองยุทธศาสตร์ 3 เมืองชายขอบเขตเศรษฐกิจพิเศษ จากเดิมที่แบ่งตามภูมิประเทศที่มีความสะดวกในการเดินทาง

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเลือกตั้งในอดีตพื้นที่อำเภอเชียงของไม่เคยถูกแบ่งเขตไปไว้ที่อื่น ขณะนี้เริ่มมีความเคลื่อนไหวในกลุ่มกำนันผู้ใหญ่บ้านและผู้นำชุมชนที่ไม่เห็นด้วยกับการแบ่งพื้นที่เชียงของ และได้เตรียมร่วมกันลงชื่อเพื่อนำเสนอต่อ กกต. โดยเฉพาะ ต.ห้วยซ้อ ต.บุญเรือง และ ต.ครึ่ง ที่มีการเคลื่อนไหวกันอย่างกว้างขวาง

 

รางวัล Partner of the Year 2022

เมื่อไม่นานมานี้ ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) รับรางวัล Microsoft Partner of the Year 2022 จากนายธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ในโอกาสที่บริษัท เมฆา วี จำกัด (Mekha V) ซึ่งเป็น Flagship ด้าน AI, Robotics & Digitalization ของกลุ่ม ปตท. ได้รับรางวัลสาขา ‘Intelligent Cloud กลุ่มธุรกิจภาครัฐ ภาคการศึกษา และสาธารณสุข’ สะท้อนความสำเร็จในการพัฒนาและเติมเต็มระบบนิเวศการใช้คลาวด์ (Cloud Ecosystem) ของกลุ่ม ปตท.

เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านดิจิทัล และสร้างโอกาสการเติบโตไปยังธุรกิจที่ไกลกว่าการใช้เทคโนโลยีคลาวด์ ควบคู่กับการพัฒนานวัตกรรมที่หลากหลายบนดิจิทัลแพลตฟอร์มให้ตอบโจทย์ความท้าทายใหม่ ๆ ตามทิศทางกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจใหม่ของ ปตท.

รางวัล Partner of the Year 2022 เป็นรางวัลที่มอบให้พันธมิตรที่นำเทคโนโลยีของไมโครซอฟท์ไปสรรสร้างนวัตกรรม และพัฒนา Solution สำหรับการดำเนินธุรกิจที่หลากหลาย และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเพิ่มขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีใหม่ให้กับองค์กร สู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล ออกเดินสายหาเสียงสนับสนุนผู้สมัครของพรรคก้าวไกลอย่างต่อเนื่อง

วันที่ 8 มี.ค. 2566 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล ออกเดินสายหาเสียงสนับสนุนผู้สมัครของพรรคก้าวไกลอย่างต่อเนื่อง

 

โดยวันนี้ ได้ร่วมเปิดเวทีรับฟังปัญหาจากประชาชน ที่บ้านสบเมย ต.ทาขุมเงิน อ.แม่ทา จ.ลำพูน ร่วมกับนายมานพ คีรีภูวดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และผู้สมัคร ส.ส.ลำพูน พรรคก้าวไกล ทั้ง 2 คน คือ นายวิทวิสิทธิ์ ปันสวนปลูก และ นายชัชพีร์ วรรณาพิรัชย์

 

นายธนาธร กล่าวว่า ต.ทาขุนเงิน เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีประเด็นปัญหาการใช้ที่ดิน ส.ป.ก. ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ ตนเห็นว่าพรรคก้าวไกลได้ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดตั้งแต่สมัยเป็นพรรคอนาคตใหม่ เช่นเดียวกับประเด็นข้อพิพาทที่ดินอื่นๆ

 

เพราะปัญหาที่ดิน เกี่ยวข้องกับชีวิตของคนนับล้าน และนั่นทำให้พรรคอนาคตใหม่มาจนถึงพรรคก้าวไกล มุ่งมีบทบาทในคณะกรรมาธิการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มาตลอด

 

นายธนาธร กล่าวว่า จากที่ติดตามการทำงาน เห็นว่าพรรคก้าวไกลได้ไปรับฟังประชาชนผู้ได้รับผลกระทบมาตลอด 4 ปีในหลายพื้นที่ ทำให้พรรคก้าวไกลวันนี้ ได้ข้อสรุปการแก้ไขปัญหาเป็นชุดร่างกฎหมายปฏิรูปที่ดิน ตามที่มีการเผยแพร่ก่อนหน้านี้

 

รวมถึงร่างกฎหมายเปลี่ยน ส.ป.ก. เป็นโฉนด อันเป็นผลมาจากการตกผลึกร่วมกันว่าทางแก้ปัญหาไม่ใช่การออก ส.ป.ก. เพิ่ม แต่คือการทำให้ ส.ป.ก. เป็นโฉนด แก่ประชาชนที่ควรต้องได้รับสิทธินั้น ในกรณีที่ตามเอกสารยังเป็นชื่อผู้ใช้ประโยชน์เดิมหรือทายาทที่ได้รับสิทธิโดยชอบธรรม และจำกัดไม่ให้เปลี่ยนเกิน 50 ไร่ต่อเจ้าของสิทธิ เพื่อไม่ให้นายทุนฉวยโอกาส

 

นายธนาธร กล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่ทั้งพรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกล ได้รับบทเรียนมาจากการทำงานตลอด 4 ปี คือนโยบายต่างๆ ที่ต้องการผลักดันผ่านสภา หากไม่ผลักดันตั้งแต่ปีแรก ก็มีโอกาสยากมากที่จะผ่าน เพราะวาระการประชุมของสภามีหลายเรื่อง เต็มไปด้วยการยื่นเข้ามาแทรกคิวที่วางลำดับไว้

 

ตนทราบจาก ส.ส. พรรคก้าวไกลว่า ในการเลือกตั้งรอบนี้ พรรคได้เตรียมร่างกฎหมายสำหรับนโยบายของพรรคที่ต้องการผลักดันไว้แล้วราว 40 ฉบับ หลังเปิดประชุมสภา พรรคพร้อมยื่นร่างกฎหมายทั้งหมดเข้าสภาทันที เพื่อให้ทันพิจารณาภายในวาระ 4 ปีของสภา ให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้

 

โดยมีร่างกฎหมายทั้งเรื่องสิทธิเสรีภาพของประชาชน การปฏิรูปกองทัพ เอาทหารออกจากการเมือง ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร เรื่องคุณภาพชีวิตของประชาชน เช่น การทำน้ำประปาดื่มได้ในระดับประเทศ การปลดล็อกท้องถิ่น การปฏิรูประบบราชการ เป็นต้น

 

นายธนาธร เห็นว่ากฎหมายแต่ละฉบับจะผ่านหรือไม่ผ่านนั้น ขึ้นอยู่กับเสียงสนับสนุนในสภา ว่าจะมีถึง 251 เสียงเป็นอย่างน้อยหรือไม่ ซึ่ง 4 ปีที่ผ่านมา จากอนาคตใหม่จนถึงก้าวไกล เรายึดมั่นในความเชื่อหนึ่งมาตลอดว่า ประเทศไทยที่ดีกว่านี้เป็นไปได้ และการลงทุนที่ถูกที่สุดคือ การหย่อนบัตรเลือกตั้ง เป็นการลงทุนที่คุ้มที่สุดในการกำหนดอนาคตของประเทศ ถ้าอยากเห็นประเทศไทยในอนาคตแบบเดียวกับที่เราอยากสร้าง ขอให้ใช้สิทธิเสรีภาพให้เป็นประโยชน์ ร่วมสร้างประเทศไทยที่ดีกว่านี้ไปด้วยกัน

 

ปตท. ติดอันดับมูลค่าแบรนด์องค์กรสูงสุด และเป็นแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่งสูงสุดอันดับที่ 24 ของโลก

 

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปตท. ได้รับการจัดอันดับเป็นหนึ่งใน 500 แบรนด์แรกของโลกที่มีมูลค่าสูงสุดกว่าหนึ่งพันล้านดอลลาร์สหรัฐ และเป็นแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่งสูงสุดอันดับที่ 24 ของโลก จากการประเมินของ Brand Finance Global บริษัทที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์และการประเมินมูลค่าแบรนด์ชั้นนำของโลก ตอกย้ำศักยภาพการขับเคลื่อนองค์กรในทุกมิติ

 

Brand Finance Global ได้ประเมิน ปตท. จากการเติบโตของผลการดำเนินงานที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ ธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น ธุรกิจน้ำมัน รวมถึงการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการส่งเสริมและฟื้นฟูการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ผลของการดำเนินงานที่เด่นชัดดังกล่าว ส่งผลให้เกิดมูลค่าแบรนด์ที่แข็งแกร่งทัดเทียมแบรนด์ในระดับสากล

 

Mr. Alex Haigh, Managing Director - Asia Pacific of Brand Finance กล่าวว่า อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติได้เข้าสู่ช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงไปเป็นการใช้พลังงานทดแทนในไม่กี่ปีที่ผ่านมาเนื่องจากผลกระทบของโรคระบาดและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศ ปตท. ซึ่งเป็นบริษัทผู้นำด้านพลังงานเห็นถึงความสำคัญและเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว โดยปรับกลยุทธ์สู่การดำเนินธุรกิจพลังงานครอบคลุมทุกมิติ บนพื้นฐานของการคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน

 

นายอรรถพล กล่าวเพิ่มเติมว่า การติดอันดับองค์กรที่มีมูลค่าแบรนด์สูงสุดและเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่งสูงสุดของโลก นับเป็นความภาคภูมิใจของ ปตท. ที่แสดงให้เห็นถึงการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างแข็งแกร่งในทุกมิติ ภายใต้วิสัยทัศน์ Powering Life with Future Energy and Beyond ขับเคลื่อนทุกชีวิต ด้วยพลังแห่งอนาคต

 

ปตท. พร้อมเป็นพลังสนับสนุนประเทศไทยให้ก้าวหน้าอย่างมั่นคง โดยมุ่งสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการดูแลสังคม ชุมชน สิ่งแวดล้อมและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน ตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ผ่านการพัฒนาธุรกิจพลังงานแห่งอนาคตและการก้าวสู่ธุรกิจใหม่ที่ไกลกว่าพลังงาน อาทิ ธุรกิจวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต (Life Science) ระบบปัญญาประดิษฐ์ หุ่นยนต์ และเทคโนโลยีดิจิทัล (AI & Robotics & Digitalization) เป็นต้น

 

 

Battery Technology for All

ปตท. ผนึกกำลัง นูออโว พลัส ลงนามข้อตกลงความร่วมมือ โครงการ Battery Technology for All พัฒนาเทคโนโลยีด้านแบตเตอรี่ มุ่งสู่ Net Zero

เมื่อไม่นานมานี้ นายเชิดชัย บุญชูช่วย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นประธานในพิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือ โครงการ Battery Technology for All

ซึ่งเป็นการลงนามระหว่าง ดร.ยุทธนา สุวรรณโชติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สถาบันนวัตกรรม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ นายทิติพงษ์ จุลพรศิริดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) ในฐานะ กรรมการ บริษัท นูออโว พลัส จำกัด เพื่อร่วมมือกันในการดำเนินการศึกษาและพัฒนาโครงการ รวมถึงแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีด้านแบตเตอรี่

การผนึกกำลังของ ปตท. และ นูออโว พลัส ในครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนการพัฒนาประเทศ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมให้มั่นคงอย่างยั่งยืน ผ่านการดำเนินการในโครงการจัดตั้งศูนย์ทดสอบแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า และพัฒนาแบตเตอรี่ต้นแบบสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก อีกทั้งยังเป็นการประสานความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

โดยมีเจตจำนงในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) และสนับสนุนหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) สอดคล้องตามเป้าหมายของกลุ่ม ปตท. เพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนการพัฒนานวัตกรรมพลังงานยั่งยืน ที่พร้อมพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย ควบคู่ไปกับการส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ชุมชนและสังคมในอนาคต
 

ร่วมกันสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัย สรรเสริญพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ

เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2566 เวลา 19.00 น. ที่ อุโบสถวัดพระธาตุแช่แห้งพระอารามหลวง ตำบลม่วงตึ๊ด อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน พระสุนทรมุณี รองเจ้าคณะจังหวัดน่าน ประธานฝ่ายสงฆ์ นายกฤชเพชร เพชระบูรณิน รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ประธานฝ่ายฆราวาส นำพระภิกษุสงฆ์ – สามเณร และพุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดน่าน

 

รวมถึงนักท่องเที่ยว เข้าวัดร่วมปฏิบัติธรรมถวายเป็นพุทธบูชา ละความชั่ว ทำความดี ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ เนื่องในวันมาฆบูชา พร้อมนำพุทธศาสนิกชน ร่วมกันสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัย สรรเสริญพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ และร่วมกันเวียนเทียนรอบพระธาตุแช่แห้ง จำนวน 3 รอบ

 

โดยมีพุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดน่าน รวมถึงนักท่องเที่ยว ร่วมเวียนเทียนเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้เพื่อเป็นการน้อมระลึกถึงพระกรุณาธิคุณ พระปัญญาธิคุณ และพระบริสุทธิคุณ แห่งองค์สมเด็จพระบรมศาสดา พระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยน้อมนำหลักธรรมดังกล่าวไปประพฤติปฏิบัติให้เป็นกิจวัตร และยึดมั่นอยู่ในคุณงามความดี มีเมตตา ขยันหมั่นเพียรที่จะกระทำความดี

 

 


TRENDING
© Copyright 2022, All rights reserved. North Time Thailand
Take Me Top